ศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องคนไทยหัวใจรักชาติ ฟ้อง ผบ.ตร.พร้อมขอคืนพื้นที่ชุมนุม ชี้เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องกรณี นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ พร้อมพวกยื่นฟ้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคืนพื้นที่การชุมนุมด้านที่ติด กับสี่แยกสวนมิสกวัน แก่เครือข่ายภายใน 3 วันนับแต่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง
ทั้งนี้ เหตุที่ศาลฯสั่งไม่รับคำฟ้อง ระบุว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เปิดการจราจร ตั้งแต่บนสะพานชมัยมรุเชษฐ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 มี.ค.54 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 42 ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่ 45/2554 ลงวันที่ 9 ก.พ.ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 การดำเนินการเปิดทางจราจรเมื่อวันที่ 7 มี.ค.54 จึงเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
แต่โดยที่มาตรา 23 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 บัญญัติว่า การดำเนินการใดๆ อันเนื่องมาจากข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามหมวดนี้ให้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้อาศัยอำนาจในฐานผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยตามคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่ 45/2554 ลงวันที่ 9 ก.พ. 54 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเปิดเส้นทางจราจรในวันที่ 7 มี.ค.54 ศาลปกครองจึงไม่อาจรับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งได้ จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ และเมื่อไม่รับฟ้องจึงไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องพิจารณาคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ของนายไชยวัฒน์ และพวกที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใช้กำลังสลายการชุมนุมไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดอีกต่อไป
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องกรณี นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ พร้อมพวกยื่นฟ้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคืนพื้นที่การชุมนุมด้านที่ติด กับสี่แยกสวนมิสกวัน แก่เครือข่ายภายใน 3 วันนับแต่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง
ทั้งนี้ เหตุที่ศาลฯสั่งไม่รับคำฟ้อง ระบุว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เปิดการจราจร ตั้งแต่บนสะพานชมัยมรุเชษฐ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 มี.ค.54 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 42 ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่ 45/2554 ลงวันที่ 9 ก.พ.ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 การดำเนินการเปิดทางจราจรเมื่อวันที่ 7 มี.ค.54 จึงเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
แต่โดยที่มาตรา 23 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 บัญญัติว่า การดำเนินการใดๆ อันเนื่องมาจากข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามหมวดนี้ให้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้อาศัยอำนาจในฐานผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยตามคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่ 45/2554 ลงวันที่ 9 ก.พ. 54 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเปิดเส้นทางจราจรในวันที่ 7 มี.ค.54 ศาลปกครองจึงไม่อาจรับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งได้ จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ และเมื่อไม่รับฟ้องจึงไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องพิจารณาคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ของนายไชยวัฒน์ และพวกที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใช้กำลังสลายการชุมนุมไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดอีกต่อไป