“ถาวร” นั่ง ปธ.กมธ.วิฯ แก้ พ.ร.ป.เลือกตั้ง คาดเสร็จสัปดาห์หน้า

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ เลือก “ถาวร” นั่งประธาน แปรญัตติ คาดพิจารณาเสร็จในสัปดาห์หน้า



วันนี้ (24 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับ ที่สภาได้รับหลักการแล้ว ประกอบด้วยร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งวุฒิสภา ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวว่า วันนี้ได้ประชุมครั้งแรก โดยเลือกนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งประเด็นแรกที่ได้พิจารณา คือการที่นายกรัฐมนตรีได้ร้องขอมายังคณะกรรมาธิการ ขอให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากต้องการให้เวลากับวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อผ่านความเห็นชอบจากสภาไปแล้ว ซึ่งจะต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งในที่ประชุมได้รับขอเสนอของนายกรัฐมนตรี โดยได้นัดประชุมดังนี้ คือ วันที่ 25 มี.ค. และวันที่ 29 – 31 มี.ค. มีการประชุมตลอดทั้งวัน ซึ่งคาดว่าวันที่ 31 มี.ค. คณะกรรมาธิการจะพิจารณาแล้วเสร็จทั้ง 3 ฉบับ จากนั้นจะเสนอต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ เพื่อให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเพื่อพิจารณาในวาระที่สองและสามต่อไป ซึ่งเป็นไปได้อาจจะเป็นสัปดาห์ถัดไป

นายธนา กล่าวต่อว่า ร่าง พ.ร.บ. 3 ฉบับ อย่างฉบับแรกร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งวุฒิสภา ประเด็นในการแก้ไขของ กกต. คือ การกำหนดจำนวนบัญชีรายชื่อว่าจะต้องคำนวณอย่างไร โดยมีหลักเกณฑ์ว่า จะเอาจำนวนบัญชีรายชื่อทั้งหมดของทุกพรรคที่ได้แล้วหารด้วยจำนวน 125 ดัง นั้น จะได้จำนวนบัญชีรายชื่อต่อคน พรรคไหนได้คะแนนบัญชีรายชื่อเท่าไหร่ เพื่อนำไปหารกับสัดส่วนดังกล่าว ซึ่งก็จะทราบว่าผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคไหนได้เท่าไหร่ การกำหนดหมายเลขของผู้สมัครบัญชีรายชื่อ จะตรงกับหมายเลขผู้สมัครแบบแบ่งเขต การพิจารณาให้บัญชีรายชื่อมีเขตเลือกตั้ง เป็นเขตประเทศ ซึ่งร่างนี้มีการแก้ไขมากที่สุด ส่วน พ.ร.บ.ที่มีการแก้ไขน้อยสุด คือ ร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมาตราเดียว คือ แก้ไขเขตเลือกตั้งของ ส.ส. เป็น 375 เขต ส่วนร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีการแก้ไขจำนวนรายชื่อที่เกี่ยวกับสัดส่วนเปลี่ยนเป็นบัญชีรายชื่อทั้งหมด พิจารณาค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง และเงินสนับสนุนพรรคการเมืองที่ กกต. จะต้องพิจารณา ดังนั้น กมธ. จึงเห็นว่าร่างฉบับแรก เป็นร่างที่มีรายละเอียดมากที่สุด จึงได้มีการพิจารณาเป็นฉบับแรก ทั้งนี้ ประเด็นใดที่จะทำให้มีปัญหาในการพิจารณาวาระที่สองและสามนั้น กมธ.ก็เข้าใจ และส่วนไหนไม่จำเป็นก็จะไม่แตะ และส่วนไหนที่มีความชัดเจนก็ปล่อยให้ผ่าน โดยอาจมีการตั้งข้อสังเกตพอสมควร