การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้วท่ามกลางเสียงชื่นชม และก่นด่า สุดแท้แต่ว่าใครจะเลือกเข้าใจแบบไหน ใครเป็นกองเชียร์ใคร แต่จากผลโพลสำนักต่างๆ ล้วนชี้ว่าฝ่ายค้านทำได้ดีกว่ารัฐบาลจมหู แม้แต่โพลที่นินทากันว่าใกล้ชิดรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยังชี้ชัดลงไปว่าฝ่ายค้านเหนือกว่า!!
คนที่ปลาบปลื้มดีใจที่สุดหนีไม่พ้น มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ในฐานะผู้นำศึกซักฟอกหนสุดท้ายอย่างเป็นทางการ ถึงขนาดประกาศตัวขอเป็น
นายกรัฐมนตรีกลางสภา
เจ้าตัวคาดหวังกับการอภิปรายครั้งนี้สูงลิบ ไล่เช็กกระแสตอบรับแบบรายวัน-รายชั่วโมง เมื่อสังเกตเห็นว่าการอภิปรายในวันแรกของตัวเองประชาชนให้การตอบรับดี และทีมงานทำได้เข้าเป้าต่อเนื่องไปจนถึงวันสุดท้าย จึงได้แสดงความมั่นอกมั่นใจขอท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ดีแต่พูด ในการสรุปอภิปราย
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงชื่นชมยินดีอย่างไร แต่คนที่ “มิ่งขวัญ” อยากได้รับเสียงตอบรับสนับสนุนมากที่สุดคือ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญา ผู้บัญชาการสูงสุดพรรคเพื่อไทย ผู้มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายต่อความหวังในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของ “โดเรมิ่ง”
การที่ “มิ่งขวัญ” ชิงเล่นเกมเร็ว โหนกระแสการอภิปราย ผนวกกับการเดินเกมกวาดต้อนส.ส.เข้ามาอยู่ใต้สังกัด ด้วยยุทธปัจจัยน้ำเลี้ยง ได้สร้างไฮพาวเวอร์ระดับ 200 แรงม้า 50 แรงควาย เป็น “มิ่งเพาเวอร์” ขึ้นภายในพรรค
ใครขวางทางชั่วโมงนี้ ต้องกระเด็นกระดอนไป แม้แต่ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ยังออกอาการถอดใจ หลัง “เพื่อนแม้ว” หันไปใช้บริการถือหาง “โดเรมิ่ง” แบบเสียไม่ได้!!
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) เหลิมตัดสินใจยื่นใบลาออกจาก ส.ส. แต่ยังกั๊กไม่ยอมลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย
เหลิม ที่ประกาศมาก่อนหน้านี้ว่าอาจจะไม่ลงสมัคร ส.ส.ด้วยนั้น และจะไม่ยอมร่วมงานการเมืองกับเพื่อไทยอีกต่อไปก็ด้วยที่ศักดิ์ศรีเหลิมค้ำคอ เลยรับไม่ได้ที่ “มิ่งขวัญ” จะมาส่ายสะโพกโยกย้ายเดินนำหน้าเหนือตัวเอง เป็นสิ่งที่หงุดหงิดในใจมาตลอด
แต่กระนั้น เหลิมก็ออกตัวว่าหากผู้นำพรรคตัวจริงคือ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะทบทวนความคิดใหม่ อาจร่วมเดินเคียงข้างกับพรรคเพื่อไทยต่อไป
หมากเกมนี้ ของ “มิ่งขวัญ” ได้สร้างแรงกระเพื่อมระลอกใหม่ภายในพรรคขึ้นอีกครั้ง จากปัญหาซ้ำเดิมที่ไม่มีความชัดเจนเรื่องตัวผู้นำ..
“ทักษิณ” รับรู้รับทราบเรื่องนี้มาตลอด ด้วยวัฒนธรรมภายในพรรคที่สร้างมาด้วยมือตัวเอง หลังเคยประกาศว่าใครจะตั้งกลุ่ม ตั้งก๊วนอย่างไรก็ตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ภายใต้การนำของเขา วันนี้มันจึงเป็นปัญหาเรื้อรังเลื้อนลามมาจนวันนี้
ด้วยความมั่นใจที่คิดว่าตัวเองบริหารจัดการทุกอย่างภายในพรรคได้เบ็ดเสร็จ แม้จะมีการขบเหลี่ยม ขัดแย้งขึ้นบ้าง แต่เมื่อเอ่ยวรรคทองคำตอบสุดท้ายจะไม่มีใครกล้าหือ วันนี้มันจึงกลายเป็นผลร้าย เพราะไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะไม่ได้นั่งบัญชาการแบบใกล้ชิด ต้องระเห็จระเหเร่ร่อนอยู่เมืองนอกเมืองนาห่างไกลศูนย์อำนาจที่เคยสั่งการอยู่เฉกเช่นทุกวันนี้
ดังนั้น “ทักษิณ” จำต้องบริหารพรรคบนความขัดแย้งนี้ต่อไป การจะให้ใครขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง ผนวกกับสถานการณ์การเมืองที่เป็นเชิงลบต่อขั้วอำนาจของตัวเอง ก้าวเดินแต่ละก้าวต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมันเสี่ยงต่อ “ภาวะพรรคแตก” ก่อนถึงเวลาอันควร
เหนืออื่นใด สำคัญที่สุดคือการเดิมพันอนาคตของตัวเอง จะได้กลับประเทศไทยหรือไม่ จะกลับอย่างไร จะกลับในสภาพคนเป็นๆ หรือเป็นซากศพ นั่นเป็นสิ่งที่ “ทักษิณ” คิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมิวางวาย
การที่ “ทักษิณ” โพสต์ข้อความจากแดนไกลลงบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุคุณสมบัติว่าที่ผู้นำพรรคเพื่อไทย หลายคนฟันธงว่าหมายถึงคนนั้นคนนี้ แต่แท้จริงแล้วมันอาจเป็นเพียงการบริหารความขัดแย้งต่อไป เพราะความหมายมันยังกว้างเกินไป ไล่เรียงดูแล้วมีทั้งคนนอกและคนในที่เข้าข่าย ไม่สามารถชี้ชัดฟันธงได้ว่าคนคนนั้นคือใคร
ถ้า “ทักษิณ” จะเลือก นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ จะชู พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือแม้แต่ใช้บริการ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทำไมไม่ประกาศให้ชัดเจนลงไป ทั้งๆ ที่รายชื่อเหล่านี้ได้มาฝังตัวอยู่กับพรรคเพื่อไทยนานระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อรู้ดีว่าหากตัดสินใจเลือกแล้วจะเกิดปัญหาจะเกิดแรงกระเพื่อม ก็ต้องประกาศให้ชัดเจนก่อนหน้านี้นานพอสมควร เพื่อเอาเวลามาบริหารจัดการศึกภายใน คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงใกล้ครบอายุรัฐบาล
ทางหนึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะไม่อยากให้ผู้นำพรรคเพื่อไทยคนถัดไปบอบช้ำจากสหบาทาที่จ้องประเคนใส่แบบไม่กลัวรองเท้าสึก แต่มองอีกทางหนึ่งการจะชูใครสักคนมาเป็นเป้าหลอกลองชิมรองเท้าหลากยี่ห้อ เพื่อประเมินกระแส มันก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณเลือกที่จะเก็บงำนอมินีคนต่อไป เพราะมีตัวเลือกในใจแล้ว หลังเจอประสบการณ์เที่ยวล่าสุด ที่มอบบทบาทให้ สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ล่วงลับ แต่ไม่สามารถนำพาตัวเองกลับมายืนอยู่บนผืนแผ่นดินเกิดได้
ความคาดหวังตั้งใจที่เคยวางไว้ จึงประเดประดังสู่การเลือกตั้งครั้งนี้จนยากจะหลีกเลี่ยง ดังนั้นการจะฝากความหวังไว้ที่ใครของ “ทักษิณ” ย่อมคิดเป็นอื่นไม่ได้ เลยนอกจากน้องนุชสุดท้อง นาม “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
สายเลือดมันย่อมข้นกว่าน้ำ.. แต่คำตอบสุดท้ายนี้จะถูกต้องทุกประการหรือไม่ คงต้องถามใครต่อใครหลายคน โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในประเทศนี้??