เพื่อไทยอารมณ์ค้าง!! “อนุดิษฐ์” ซัด “เทือก” ไม่ตอบเอื้อประโยชน์ปาล์มหรือไม่ ฉะเบี่ยงเบนประเด็น โอ่ไม่ต้องสาบานเดี๋ยวเจอ ป.ป.ช.ฟันแน่ ยังสงสัย 20 ล้านขวดหายไปไหน ด้าน “จุลพันธ์” ก็อ้าง “กรณ์” ตอบไม่ตรงคำถาม ซัดบริหารไร้ทิศทาง อ้าง 40 ชั่วโมง ไม่พอสาธยายโกงรัฐ!!!
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่รัฐสภา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายที่มีข้อจำกัดนั้นทำให้ทางฝ่ายค้านมาสามารถชี้แจงหลักฐานได้เพียงพอ เช่นกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงภายหลังจากที่ตนอภิปรายเรื่องปัญหาของราคาน้ำมันปาล์มว่า ช่วงจังหวะนั้นเป็นช่วงที่นายสุเทพได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปรับสมัครลงเลือกตั้ง ซึ่งทำให้เป้นการขาดช่วงในการทำงาน การที่นายสุเทพพูดเช่นนี้เหมือนเป็นการโยนปัญหาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าขาดความรับผิดชอบในการทำงาน เพราะแทนที่จะหาคนไปดูแลงานตรงนี้แต่กลับปล่อยปละละเลยจนสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชน
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวต่อว่า ส่วนการที่ตนตั้งคำถามนายสุเทพว่ามีการเอื้อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาน้ำมันปาล์ม มีการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องหรือไม่ แต่คำตอบที่ได้คือ การปฏิเสธว่าตัวเขาเองไม่ได้รับเงิน แต่ไม่มีการตอบว่าเอื้อประโยชน์หรือไม่ การตอบคำถามของรัฐบาลในครั้งนี้เหมือนพยายามเบี่ยงประเด็นในกรณีที่ไม่สามารถตอบคำถามได้ เพราะฉะนั้นตนจึงอยากจะฝากไปยังนายสุเทพว่า ไม่จำเป็นจะต้องมีการสาบานหรือการเดิมพันทางการเมือง เพราะเรื่องดังกล่าวจะต้องดำเนินไปสู่ขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.อย่างแน่นอน ซึ่งหากพิสูจน์ว่านายสุเทพผิดจริง นายสุเทพก็ต้องออกจากตำแหน่งอยู่แล้ว
น.อ.อนุดิษฐ์ยังกล่าวต่อว่า นายสุเทพยังตอบคำถามแบบไม่มีมูลความจริงจากกรณีที่ตนได้รับข้อมูลมาว่าการนำเข้าน้ำมันในครั้งนี้ไม่ตรงกับสเปกที่ถูกวางเอาไว้ และเป็นการนำเข้าจากประเทศสิงค์โปร์ แต่นายสุเทพกลับอ้างว่าเป็นการนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย รวมไปถึงการสูญหายจากการกลั่นน้ำมันที่ทำให้น้ำมันหายไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์นั้น เป็นเรื่องที่ตนยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยังคงเป็นข้อสงสัยว่าน้ำมันกว่า 20 ล้านขวดนั้นหายไปไหน
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้ทำการอภิปรายการบริหารงานของกระทรวงการคลัง ซึ่งตนได้รับคำตอบที่ไม่ค่อยตรงกับคำถาม แต่เรื่องเศรษฐศาสตร์คือเรื่องของตัวเลขที่สามารถไปได้ในทุกทาง เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะชี้วัดได้ดีที่สุดคือ ระดับความสุขของประชาชน และสิ่งที่จะสะท้อนออกมาในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น ว่าประชาชนยังต้องการให้รัฐบาลชุดนี้มาแก้ไขปัญหาปากท้องอีกหรือไม่
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า การอภิปรายในครั้งนี้ที่พรรคฝ่ายค้านได้เวลา 40 ชั่วโมงนั้น เห็นว่าเวลาเท่านี้ยังไม่พอกับการทุจริตของรัฐบาล อย่างกรณีที่ตนพูดเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรง ตนก็นำเอาคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาอภิปราย แต่ตนเห็นว่าคำพูดนั้นไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะในขณะนี้ประเทศกำลังอยู่ในภาวะเงินเฟ้อ แต่การที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาทนั้น เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีแนวทางที่จะทำให้นโยบายนี้เป็นจริงให้ได้ ไม่หมือนกับรัฐบาลชุดนี้
นายจุลพันธ์ยังกล่าวต่อว่า คำพูดที่ฝ่ายรัฐบาลนำเอามาพูดในการอภิปรายครั้งนี้ส่อให้เห็นถึงวุฒิภาวะของผู้พูดอย่างแท้จริง เช่นการพูดว่ากรณีนี้ยังทำไม่ได้ หรือการพูดว่าคุณก็ยังทำไม่ได้เหมือนกันนั้น มันเหมือนเป็นคำพูดที่พยายามบ่ายเบี่ยงประเด็นว่าเราทำไม่ได้ คุณก็ทำไม่ได้ ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย โดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่ตนเห็นว่ากระทรวงนี้บริหารประเทศโดยไม่มีทิศทางและกรอบการบริหารเลย