“สมศักดิ์” ยอมรับยังไม่มีพรรคที่ 3 ติดต่อขอเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ ชทพ.-ภท. เชื่ออยู่ระหว่างฟังกระแส อุบไต๋เป็นแกนนำจัดเลือกตั้ง โบ้ยรอผลการเลือกตั้งเป็นเครื่องพิสูจน์ ย้ำ “เติ้ง” ค้านยุบสภาเร็วซ้ำเติมปัญหาบ้านเมือง แนะให้รอแก้ไข กม.ลูกทั้ง 3 ฉบับและปัญหาสีเสื้อหวั่นเกิดสุญญากาศทางการเมือง
วันนี้ (15 มี.ค.) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีพรรค ชทพ.และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จับมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองร่วมกันภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปว่า ขณะนี้ทั้ง 2 พรรคยังไม่ได้เชิญชวนพรรคการเมืองอื่นให้มาร่วมสัตยาบันในการเป็นพันธมิตรทางการเมืองร่วมกันเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ทั้ง 2 พรรคยังต้องรอดูกระแส ภายหลังที่มีการจับมือกันของ ชทพ.และภท.ว่าจะมีพรรคการเมืองไหนอีกที่ให้ความสนใจกับการเป็นพันธมิตรร่วมกันทางการเมือง ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า ภท.และ ชทพ.ต่างเคยร่วมมือทำงานการเมืองมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนิรโทษกรรม หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ครั้งนี้ 2 พรรคจึงจับมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองกัน
เมื่อถามว่าการจับมือกันของ ภท.และชทพ.จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งได้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังบอกไม่ได้เพราะผลการเลือกตั้งยังไม่ออก
เมื่อถามถึงกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชทพ.ไม่เห็นด้วยในการยุบสภาต้นเดือนพฤษภาคม และจะพูดถึงกรณีดังกล่าวในเดือนมีนาคมนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ท่านบรรหารไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ยังไม่คลี่คลายจะเป็นการยุบสภาเพื่อหนีปัญหาและซ้ำเติมให้ปัญหารุมเร้ามากขึ้นและอาจทำให้เกิดสุญญากาศ ทั้งที่ยังเหลือเวลาที่จะหมดวาระของรัฐบาลในอีก 8-9 เดือนจากนี้ รัฐบาลน่าจะอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาก่อนทั้งในเรื่องปัญหาความขัดแย้งที่มีเสื้อแดงและเสื้อเหลืองซึ่งยังไม่คลี่คลาย รวมถึงปัญหาผลผลิตทางการเกษตรที่ยังไม่คลี่คลายและการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังไม่เรียบร้อย ดังนั้น การที่กฎหมายลูกยังแก้ไม่เสร็จแล้วไปเร่งการยุบสภาจะเป็นการรีบร้อนเกินไป ซึ่งหากแก้ไขกฎหมายลูกเสร็จก่อนแล้วค่อยกำหนดวันยุบสภาก็ทำได้
