“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ประกาศแตกหัก ปชป.ท้า “มาร์ค” ลาออกพร้อมกัน ถามกลับจุดยืนทางการเมืองของ ปชป.คืออะไร สับนายกฯบริหารชาติล้มเหลว ไร้ความสามารถ ระบุ เซ็งการเมืองน้ำเน่า เตรียมกลับเวทีภาคประชาชนเต็มตัว
วันนี้ (14 มี.ค.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เรียกร้องให้ นายสมเกียรติ แสดงจุดยืนทางการเมือง โดยการลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.หากมีแนวคิดไม่ตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมีเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 123 ในการแสดงออกหรือลงคะแนนโหวต เป็นอำนาจของตนเอง ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เสนอให้ตนลาออกนั้น ขอประกาศว่า ตนจะลาออกแสดงจุดยืนทางการเมือง ก็ต่อเมื่อ นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯด้วย
“ผมยินดีที่จะลาออก หากนายกฯลาออกไปพร้อมกัน เพื่อเป็นการยุติบทบาทในการเมืองน้ำเน่า ที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายอยู่เช่นนี้ ไม่ทราบว่า นายกฯพร้อมที่จะลาออกพร้อมกับผมหรือไม่” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ตนสงสัยในจุดยืนของนายอภสิทธิ์เช่นกัน ที่ก่อนหน้านี้ ตนขึ้นเวทีปราศรัยขับไล่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แล้วพรรคพลังประชาชนในขณะนั้นฟ้องตน และพรรคประชาธิปัตย์ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฐานทำผิดกฎหมาย ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้ทำหนังสือชี้แจงไปถึง กกต.เองว่า ตนแสดงความคิดเห็นตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่วันนี้กลับมากล่าวหาว่า ตนมีอุดมการณ์ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ ตรงนี้ก็อยากถามว่า อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์คืออะไรกันแน่
นายสมเกียรติ ยังกล่าวด้วยว่า จุดยืนทางการเมืองในตอนนี้ของตน คือ นายอภิสิทธิ์ ต้องรับผิดชอบ โดยการลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากในการที่บริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลว ทั้งการสูญเสียดินแดนให้กัมพูชา การทุจริตคอร์รัปชันอย่างอื้อฉาวของวงราชการ ปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลโกงกินบ้านเมือง รวมทั้งการที่ นายอภิสิทธิ์ ขาดประสบการณ์ในการบริหาร และเมื่อมาทำหน้าที่ ส.ส.ก็ทำให้ตนเห็นว่า นักการเมืองส่วนใหญ่มาเล่นการเมืองเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม สิ่งนี้คือการเมืองน้ำเน่าที่ตนต่อต้าน และเป็นอุดมการณ์ของตน ไม่ทราบว่าตรงกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
ส่วนกรณีอนาคตทางการเมืองส่วนตัวนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า หากมีการยุบสภา ตนจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ไปสังกัดพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น แต่จะเลือกสังกัดการเมืองภาคประชาชน เพื่อเป็นเวทีในการขจัดการเมืองน้ำเน่า