“กาชาดสากล” ออกแถลงการณ์ยืนยันในความเป็นกลาง ปัดตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมืองไกล่เกลี่ยนำตัว “วีระ-ราตรี” ออกจากคุก ยันทำหน้าที่ดูแลสิทธิมนุษยชนเท่านั้น โดยจะเน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ในเรือนจำ และผู้ต้องขังทุกรายจะต้องได้รับสิทธิการเยี่ยมอย่างเสมอภาค โดยไม่คำนึงว่าจะถูกขังเพราะเหตุใด
วันนี้ (13 มี.ค.) นายฌาร์ค สเตราน์ ผอ.คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) สำนักงานภูมิภาค กรุงเทพฯ ได้ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า กาชาดสากลมีความเป็นกลางในการทำงาน โดยเฉพาะกรณีการดูแลผู้ต้องขังชาวไทยในกัมพูชานั้นยึดหลักการรักษาความลับเป็นพื้นฐานของการสนทนาเชิงสร้างสรรค์กับผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำ ซึ่งช่วยให้ไอซีอาร์ซีสามารถเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังซ้ำได้ นั่นหมายความว่าเราจะไม่เผยแพร่สิ่งที่พบและไม่แพร่งพรายข้อมูลแก่สื่อหรือสาธารณชน แต่เราจะแบ่งปันรายงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่แก่เจ้าหน้าที่เรือนจำที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
“ที่ผ่านมา มีคนบางกลุ่มต้องการให้ ICRC เป็นเครื่องมือประณามฝ่ายตรงข้าม ขอยืนยันว่าเราดูแลผู้ต้องหาชาวไทยเพื่อมนุษยธรรม โดยไม่มีการเลือกปฎิบัติ ไม่มีการช่วยไกล่เกลี่ย หรือช่วยนำผู้ต้องขังออกมาตามที่เป็นข่าว” แถลงการณ์กาชาดสากล ระบุ
นอกจากนี้ นายฌาร์ค ยังชี้แจงกรณีนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ด้วยว่า กรณีของผู้ต้องขังชาวไทยคือคณะผู้แทนและแพทย์ของคณะกรรมการกาชาดระหว่าง ประเทศได้เข้าเยี่ยมเยียนบรรดาผู้ต้องขังอย่างสม่ำเสมอ และในฐานะที่ผู้ต้องขังเป็นชาวต่างชาติ พวกเขาจึงเป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งต้องการความเอาใจใส่เป็นพิเศษ ไอซีอาร์ซีในกรุงเทพฯ ยังคงแจ้งข่าวคราวของผู้ต้องขังให้แก่ทางครอบครัวของพวกเขาทราบอย่างต่อเนื่อง เมื่อชาวไทย 7 คนถูกจับกุมตัวเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม พวกเขาได้รับอนุญาตให้เขียนจดหมายถึงครอบครัวของตนได้ ซึ่งผู้ต้องขังบางรายก็ได้เริ่มใช้วิธีการนี้ อย่างไรก็ตาม ความเอาใจใส่เป็นพิเศษดังกล่าวไม่ใช่สิทธิพิเศษแต่อย่างใด ผู้ต้องขังทุกรายจะได้รับการเข้าเยี่ยม โดยไม่คำนึงว่าเหตุใดพวกเขาจึงถูกคุมขัง