นายกฯ โต้ เพื่อไทย ป้ายสี เป็นตัวบงการสั่งแทรกแซงกระบวนยุติธรรม เอื้อ ฟิลลิป มอร์ริส เลี่ยงภาษีเท็จ ป้องผู้แทนการค้าไทยทำตามหน้าที่ ไม่รู้ไม่เห็นหนังสือเวียนออกจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ด้านเสี่ย ก.ฝากความหวัง “อภิสิทธิ์” ใช้เวทีสภา แก้ต่าง
วันนี้ (7 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดประเด็นกล่าวหามีส่วนรู้เห็นการแสดงภาษีอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีกรณีบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ซึ่งมีหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงชื่อ นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวน เพราะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ว่า ไม่มีครับ ผมไม่มีแทรกแซงอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ในขณะนี้ที่มีหนังสือเวียนออกจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งลงชื่อโดยนายพงศ์ศักติฐ์ นายกรัฐมนตรี ทราบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมไม่ได้เห็นตัวหนังสือนะครับ แต่ว่าไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้องไปอ่านตัวหนังสือดู เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากผู้แทนการค้า
เมื่อถามต่อว่า นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย ได้ชี้แจงอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ท่านก็บอกท่านทำตามหน้าที่ของท่าน
ด้าน นายเกียรติ เปิดเผยว่า ขอให้ฝ่ายค้านเปิดเผยชื่อเสี่ย ก.ที่ระบุว่า เป็นนักล็อบบี้ยิสต์ ที่ไปเรียกรับเงินและเข้าไปแทรกแซงคดีที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) จำกัด สำแดงราคานำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร จนเป็นเหตุให้รัฐสูญเสียประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี 68,881 ล้านบาท จนไม่มีการสั่งฟ้องคดีนั้นไม่เป็นความจริง สำหรับการชี้แจงเอกสารหลักฐาน ข้อมูล และข้อเท็จจริงทั้งหมด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะชี้แจงในรัฐสภาช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ไม่อยากอภิปรายบนหน้าสื่อ หรือนอกสภา แต่หากมีการพาดพิง และไม่ถูกต้องจะต้องมีคนรับผิดชอบแน่นอน และหากจะกล่าวหาใครก็ให้พูดชื่อตรงๆ และถ้าเป็นเรื่องเท็จสร้างความเสียหายก็จะดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะยอมไม่ได้อยู่แล้ที่จะให้ใครมาเล่นตีกินทางการเมืองกันง่ายๆ แบบนี้” นายเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของอัยการสูงสุดแต่อย่างใด เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ไปสั่งการได้เนื่องจากอัยการสูงสุดเป็นองค์กรอิสระ แต่สิ่งที่ได้ดำเนินการ คือ มีการร้องเรียนในระดับองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ตั้งแต่ปี 2546 และมีผลของคำวินิจฉัยของดับเบิลยูทีโอ โดยได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแลและรับฟังข้อมูล พร้อมกับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและดำเนินการตามที่แต่ละหน่วยงานควรพิจารณา ตามที่ตัวเองมีกฎหมายและรับผิดชอบอยู่ได้รับทราบ
นายเกียรติ กล่าวว่า สิ่งที่ได้ดำเนินการที่ผ่านมา คือ ได้หารือกับทุกส่วนตั้งแต่คำร้องเรียน คำวินิจฉัย หรือผลกระทบที่มีต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยเท่านั้น สำหรับเหตุผลที่อัยการสูงสุดไม่ฟ้องนั้นต้องไปสอบถามต่ออัยการสูงสุดเอง อย่างไรก็ตาม ไม่อาจเปิดเผยในรายละเอียดได้ เพราะมีความซับซ้อนทั้งประเด็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศ หรือในประเทศ รวมถึงข้อเท็จจริงทั้งทางตรงและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เช่น วิธีพิจารณาต้นทุน โดยทั้งหมดนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ชี้แจงด้วยตัวเอง