เลขาฯ ก.ม.ม.ชี้ “สมยศ” ไขก๊อกหัวหน้า พนง.สอบคดีชุมนุมสนามบิน เหตุทำงานสำเร็จแล้ว ให้แกนนำเสียชื่อเสียง เข้าข่ายกลั่นแกล้งชัด ยกคำพูด สตช.ไม่สนับสนุนเงินช่วย ตอกย้ำการเมืองเล่นงานยัดข้อหาพันธมิตรฯ เย้ยยังไม่หลุดข้อหา “จำลอง” ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 220 ล้าน เชื่อจะมีตำรวจโดนอีก
วันนี้ (14 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า การลาออกของ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง จากหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพันธมิตรชุมนุมสนามบินฯ ด้วยข้ออ้างว่าถูกกดดันทั้งส่วนตัวและครอบครัว คงไม่จริงและฟังไม่ขึ้น เพราะท่านรู้ดีตั้งแต่ต้นว่านี่เป็นคดีการเมือง หวังกลั่นแกล้งแกนนำพันธมิตรฯ เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านั้น พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ได้ลาออกจากหัวหน้าทีมชุดสอบสวนเพราะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังคดีนี้เป็นอย่างดี จากนั้นฝ่ายการเมืองที่ต้องการทำลายพันธมิตรฯ ก็ให้ พล.ต.ท.สมยศมารับงานนี้แทน และก็ทำงานจนสำเร็จแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้แกนนำพันธมิตรฯเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะถูกออกทั้งหมายเรียกและหมายจับ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกลั่นแกล้งอย่างชัดเจน
“ส่วนที่ พล.ต.ท.สมยศ บอกว่าทำคดีพันธมิตรฯ ปิดสนามบินด้วยเงินส่วนตัว สตช.ไม่เคยสนับสนับสนุนเลยนั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า ความพยายามตั้งข้อหาก่อการร้ายแกนนำพันธมิตรฯ นั้นเป็นความต้องการส่วนตัวของฝ่ายการเมือง จึงเลือกใช้งาน พล.ต.ท.สมยศให้จัดการเรื่องนี้เพื่อกลั่นแกล้งเล่นงานพันธมิตรฯ ด้วยการยัดข้อหาที่เป็นเท็จ โดยเฉพาะข้อกล่าวก่อการร้าย ซึ่ง พล.ต.ท.สมยศก็ทำสำนวนและเสนอสั่งฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ ไปแล้ว และเรื่องอยู่ระหว่างให้ ผบ.ตร.ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะส่งฟ้องหรือไม่” นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า แม้ พล.ต.ท.สมยศจะถอนตัวไปแล้วแต่ก็คงไม่หลุดจากข้อกล่าวหาที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ไปฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย 220 ล้านบาท ซึ่งคงไม่ใช่แต่ พล.ต.ท.สมยศ เท่านั้นที่ต้องโดนฟ้องกลับ ยังมีนายตำรวจอีกหลายนายที่มีพฤติกรรมกลั่นแกล้งพันธมิตรฯ ด้วยการยัดข้อหาเกินจริงที่ต้องถูกดำเนินคดีกลับเช่นกัน ดังนั้น การถอนตัวจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนจึงไม่สามารถหนีข้อกล่าวหากลั่นแกล้งประชาชนที่ชุมนุมโดยสุจริตได้