“เทพเทือก” นั่งหัวโต๊ะ ประชุมพรรคคัดตัว ส.ส.หลังเสียงปี่กลองศึกเลือกตั้งเริ่มโหมโรงหลัง รธน.ผ่านวาระ 3 จี้ ส.ส.ลงพื้นที่จัดกิจกรรมสร้างเครือข่าย พร้อมอัดฉีดเงินให้ ส.ส.คนละกว่า 1.2 ล.
วันนี้ (1 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ว่า หลังจากที่รัฐธรรมนูญวาระ 3 ผ่านในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ก็จะเป็นการนับถอยหลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ โดยมอบหมายให้ ส.ส.ของพรรคไปดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 1.เตรียมการเข้าร่วมการจัดงานระดมทุนของพรรคในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ซึ่งมีเป้าหมายการจัดงานอยู่ที่ 300 โต๊ะในวงเงิน 600 ล้านบาท เพื่อเตรียมการใช้จ่ายให้กับผู้สมัครเฉลี่ยคนละ 1.2 ล้านบาท ในจำนวนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค 500 คน ซึ่งไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ 2.ให้ ส.ส.ลงพื้นที่จัดประชุมสัมมนาแกนนำรุ่นละ 100 คน โดยไม่กำจัดจำนวนรุ่นตามความสามารถและศักยภาพของ ส.ส.แต่ละคน เพื่อเป็นการสร้างเครื่อข่ายแกนนำหรือหัวคะแนนของพรรค ในการใช้เครือข่ายดังกล่าวหาคะแนนสนับสนุนทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและในระบบเขตเลือกตั้ง
นายเทพไท กล่าวว่า และ 3.ให้ ส.ส.เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้สมัครในนามพรรคในเขตที่พรรคยังไม่มี ส.ส.ของพรรคอยู่ โดยให้เสนอชื่อต่อคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน และมีกรรมการ ประกอบด้วย นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง นายอิสสระ สมชัย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ และ นายวิทยา แก้วภราดัย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังรายงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรค ที่มี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธาน และมีตัวแทน ส.ส.ของแต่ละภาคเข้าร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งมีการประชุมระดมความคิดที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคทุกวัน เพื่อเปิดโอกาสให้ ส.ส.ของพรรคเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลและเสนอแนะแนวทางในด้านนโยบายของพรรคที่จะใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์เลือกตั้งครั้งต่อไป
ส่วนเรื่องการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ซึ่งยังขาดเสียงสนับสนุนอยู่ประมาณ 15 เสียงนั้น นายเทพไท กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ ส.ส.ของพรรคไปพูดคุยกับเพื่อนสมาชิกรัฐสภาเพื่อหาเสียงสนับสนุนให้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด โดยมุ่งเน้นไปยังสมาชิกรัฐสภาที่งดออกเสียงในวาระที่ 2 จำนวน 22 คนและติดภารกิจสำคัญที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในการพิจารณาวาระ 2 จำนวน 53 คน ซึ่งมั่นใจว่าสามารถที่จะหาเสียงสนับสนุนจากกลุ่มเพื่อนสมาชิกดังกล่าวได้ โดยไม่สนใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเข้าร่วมการประชุมเพื่อพิจารณาลงมติในวาระ 3 หรือไม่
