ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รับศพ “ร.อ.กฤช” หลังเสียชีวิตระหว่างปะทะโจรใต้ ที่นราธิวาส เผย ในหลวง และ พระบรมวงศานุวงศ์ โปรดเกล้าฯ ให้ “ประยุทธ์” วางพวงมาลาแทน พระราชทานเพลิงศพ 29 ม.ค.นี้ ขณะที่ กองทัพเลื่อนขั้นพร้อม 3 นายทหาร
วันนี้ (21 ม.ค.) พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีรับศพ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผู้บังคับกองร้อยทหาราบที่ 15121 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงจำนวน 30-40 คน ลอบเข้าฐานปฏิบัติการ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2554 จนทำให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร จนทำให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ สิบเอก เทวรัตน์ เทวา หัวหน้าชุดยิงหมู่ปืนเล็ก สิบโท อับดุลเล๊าะ ด๊ะหยี หัวหน้าชุดยิงหมู่ปืนเล็ก พลทหาร ประวิทย์ ชูกลิ่น พลวิทยุ และบาดเจ็บอีก 6 นาย
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นผู้แทนพระองค์นำพวงมาลาพระราชทานวางหน้าศพของ ร.อ.กฤช ในเวลา 16.30 น.ณ ศาลาทักษิณาประดิษฐ์ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน โดยมีพิธีสวดอภิธรรมศพ 7 วัน (งดวันที่ 28 ม.ค.2554) และจะพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ม.ค.2554 สำหรับศพของ สิบเอก เทวรัตน์ จะนำไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดวังเย็น จ.กาญจนบุรี นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2554 ได้ทำพิธีฝังศพสิบเอก อัลดุลเล๊าะ ด๊ะหยี ที่กุโบร์ บ้านริแง ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ไปแล้ว และเคลื่อนย้ายศพพลทหาร ประวิทย์ ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดลีลานนท์ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส แล้ว
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว กองทัพบกถือว่าเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า เป็นผู้มีความเสียสละ มุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตทุกนายจะได้รับการปูนบำเหน็จ 9 ขั้น และได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น โดย ร.อ.กฤช จะได้เลื่อนยศเป็นพันเอก และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น ต.ช.(ตริตาภรณ์ช้างเผือก) ส่วนสิบเอก เทวรัตน์ และ สิบโท อับดุลเล๊าะ จะได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น บ.ม.(เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย) พลทหาร ประวิทย์ ได้เลื่อนยศเป็นร้อยตรี และได้รับอิสริยาภรณ์ บ.ม.(เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย)
นอกจากนี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือตามสิทธิทางราชการ ได้แก่ เงินสินไหมทดแทนในประกันชีวิตแบบภัยสงคราม เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินเยียวยาจากสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กองทัพบกขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกท่านที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งนี้ จะให้การดูแลช่วยเหลือครอบครัวในทุกๆ ด้านต่อไป
วันนี้ (21 ม.ค.) พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีรับศพ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผู้บังคับกองร้อยทหาราบที่ 15121 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงจำนวน 30-40 คน ลอบเข้าฐานปฏิบัติการ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2554 จนทำให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร จนทำให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ สิบเอก เทวรัตน์ เทวา หัวหน้าชุดยิงหมู่ปืนเล็ก สิบโท อับดุลเล๊าะ ด๊ะหยี หัวหน้าชุดยิงหมู่ปืนเล็ก พลทหาร ประวิทย์ ชูกลิ่น พลวิทยุ และบาดเจ็บอีก 6 นาย
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นผู้แทนพระองค์นำพวงมาลาพระราชทานวางหน้าศพของ ร.อ.กฤช ในเวลา 16.30 น.ณ ศาลาทักษิณาประดิษฐ์ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน โดยมีพิธีสวดอภิธรรมศพ 7 วัน (งดวันที่ 28 ม.ค.2554) และจะพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ม.ค.2554 สำหรับศพของ สิบเอก เทวรัตน์ จะนำไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดวังเย็น จ.กาญจนบุรี นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2554 ได้ทำพิธีฝังศพสิบเอก อัลดุลเล๊าะ ด๊ะหยี ที่กุโบร์ บ้านริแง ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ไปแล้ว และเคลื่อนย้ายศพพลทหาร ประวิทย์ ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดลีลานนท์ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส แล้ว
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว กองทัพบกถือว่าเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า เป็นผู้มีความเสียสละ มุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตทุกนายจะได้รับการปูนบำเหน็จ 9 ขั้น และได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น โดย ร.อ.กฤช จะได้เลื่อนยศเป็นพันเอก และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น ต.ช.(ตริตาภรณ์ช้างเผือก) ส่วนสิบเอก เทวรัตน์ และ สิบโท อับดุลเล๊าะ จะได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น บ.ม.(เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย) พลทหาร ประวิทย์ ได้เลื่อนยศเป็นร้อยตรี และได้รับอิสริยาภรณ์ บ.ม.(เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย)
นอกจากนี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือตามสิทธิทางราชการ ได้แก่ เงินสินไหมทดแทนในประกันชีวิตแบบภัยสงคราม เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินเยียวยาจากสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กองทัพบกขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกท่านที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งนี้ จะให้การดูแลช่วยเหลือครอบครัวในทุกๆ ด้านต่อไป