ประธานที่ปรึกษาประชาธิปัตย์ ไม่คอมเมนต์พรรคร่วมเสนอสูตร ส.ส.ชี้ถ้าแก้จริงต้องทำทั้งฉบับ แต่ไม่ใช่สภาชุดนี้ทำ ฉะพวกเถียงกันมีแต่เรื่องส่วนตน ระบุ หากจะแก้ต้องไม่ให้มีผลผูกพันสมัยหน้า
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ ว่า ปัญหาความขัดแย้งในการแก้รัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การยุบสภาได้ กล่าวว่า หากมองย้อนกลับไปต้องยอมรับว่าขณะนั้นความคิดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมีความแตกต่างกัน ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคไปตกลงกับเขาว่าอย่างไร ก็ต้องทำตามคำพูด เป็นส่วนหนึ่งที่ตนบอกกับลูกพรรคที่ไม่เห็นด้วยว่า สำคัญที่สุดคือ นักการเมืองต้องทำตามคำพูด จึงได้เกิดการยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ มาเป็นเขตละ 1 คน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเสนอประเด็นนี้ ส่วนที่เขาจะเปลี่ยนอีก ตนไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาตอนนี้มีผู้เสนอสูตรต่างๆ นายชวน กล่าวว่า ที่จริงแล้วหลักเรื่องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทำได้จริง แต่ตนเคยพูดไว้ว่าควรจะพิจารณาทั้งฉบับ โดยมีคณะกรรมการดูแล พร้อมตรวจสอบตั้งแต่มาตรา 1 ถึงมาตราสุดท้าย ไม่ควรทำขยักขยอน แก้นิดหน่อย โดยหลักในระยะไกลควรมีคนที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะและแก้โดยให้มีผลใช้ในระยะ ต่อไป อย่าให้สภาชุดนั้นเป็นผู้มีผล ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาว่าใครได้ใครเสีย
“วันนี้เราก็เห็นชัดว่าเขาเถียงกันเรื่องปัญหาส่วนตัวเกือบทั้งนั้น ดังนั้น ก็ควรนำทั้งฉบับมาดู และไม่ต้องรีบร้อนว่าเสร็จภายในกี่วัน ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนหลังมักจะเกิดจากใกล้ครบระยะเวลาแล้วก็ต้องเร่ง แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ถ้าจำได้ผู้ร่างสมัยนั้นก็ต้องเร่งให้ทันตามกำหนดเวลา เพราะว่ารัฐบาลได้ประกาศให้มีเลือกตั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด ในระยะยาวรัฐธรรมนูญควรจะปรับปรุงแก้ไขให้เหลือเพียงไมกี่มาตรา เพราะยิ่งเขียนยิ่งยาวนี่ยิ่งมีปัญหา”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแก้ไขเรื่องของเขตเลือกตั้ง ไม่ควรจะมีผลต่อสภาผู้แทนชุดนี้ นายชวน กล่าวว่า เพราะถ้ามีผลทำให้มีส่วนได้เสีย ดุลพินิจก็จะมีปัญหา อย่างวันนี้มีส่วนได้เสีย ก็จะเถียงกันอยู่
ถามต่อว่า หากเลือกได้ในหลักการที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดถือกับข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับพรรคร่วมรัฐบาลหากย้อนเวลาได้ อยากให้เกิดขึ้นหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไปตั้งประเด็นนี้ไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องทำต่อไป แต่เล่าให้ฟังว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วว่าเรื่องมีความเป็นมาอย่างไร ตนเคยเสนอหัวหน้า คือ ควรพิจารณาทั้งฉบับ เพราะจะครบหมด เพราะรัฐธรรมนูญจะโยงเกี่ยวข้องกันเสมอในแต่ละเรื่อง ก็จะทำให้การปรับปรุงแก้ไขมีความสมบูรณ์ แต่หากให้นักการเมืองในชุดนั้นๆ มีส่วนเกี่ยวข้องก็หนีไม่พ้นว่า เมื่อที่นั่งของตัวเองลดลงไปก็มีปัญหา เพิ่มไปก็ผิดหลัก ไม่ค่อยลงตัวเท่าใด
เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมาใช้ นายชวน กล่าวว่า ไม่ควรผูกพัน ส.ส.ในชุดขณะนั้น คือ ควรเป็นเรื่องที่ใช้ในโอกาสต่อไป พอถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องว่าใครมีส่วนได้ส่วนเสียมากนั้น แต่ถ้ามีผล อย่างครั้งนี้ที่แก้แล้วมีผลต่อส.ส.ชุดนี้ พื้นที่ที่ตัดไปก็มีปัญหา ส.ส.ที่เคยมีอยู่ พอลดลงไปหนึ่งคนก็มีปัญหาส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยเสมอ