รองนายกฯ ด้านความมั่นคง มั่นใจสัปดาห์หน้า มีข่าวดีช่วยเหลือ 7 คนไทย ฟุ้งการเจรจาด้านความสัมพันธ์ประสบความสำเร็จ ปฏิเสธแผนเกี้ยเซียะแลกตัวนักโทษสั่งจับ “วีระ” ขวางเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เตรียมยื่นถวายฎีกาฯ ชี้ เป็นเรื่องไม่บังควร ที่จะไปรบกวนใต้เบื้องพระยุคลบาท
วันนี้ (16 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า สัปดาห์หน้าอาจมีข่าวดีเรื่องการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัว เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ละความพยายามในการดำเนินการ พร้อมยืนยันว่า การปล่อยตัวชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนกับการให้ประกันตัว 2 คนไทย แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่พิจารณาความผิดแล้ว อีกทั้งยังเป็นความตั้งใจที่อยากให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศดีขึ้น
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า การปล่อยตัว 2 นักโทษกัมพูชา เป็นเพราะ 1 ในผู้ต้องหาเป็นคนสนิทของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เป็นการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ก่อนหน้านี้ ซึ่งตนเป็นคนเดินทางไปเจรจา และทางกัมพูชาได้ปล่อยตัว 2 นักโทษคดีก่อการร้ายชาวมุสลิมของไทย ให้กับรัฐบาล เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ไทยยังไม่เคยส่งตัวผู้ต้องหาให้ จึงต้องทำตามสัญญา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ระบุว่า มีบิ๊กในรัฐบาล และบิ๊กทหาร สั่งให้ตำรวจ ซึ่งเป็นลูกชายของอธิบดีกรมตำรวจกัมพูชา จับกุมตัวนายวีระ สมความคิด พร้อมกล่าวว่า สิ่งที่นายไชยวัฒน์พูดไม่เป็นความจริง
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่ กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เตรียมยื่นถวายฎีกาต่อสำนักพระราชวังว่า ประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่รับทราบคงรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเป็นเรื่องไม่บังควรที่จะไปรบกวนใต้เบื้องพระยุคลบาท และการที่นายกรัฐมนตรีจะพ้นจากตำแหน่ง หรือมีการเปลี่ยนรัฐบาลนั้น มีกฎเกณฑ์ระบุไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ซึ่งต้องดำเนินการไปตามนั้น เพราะวิธีการอื่นไม่เหมาะสม
ส่วนกรณีการแก้ปัญหาชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เห็นว่า เป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขโดยใช้คณะกรรมการร่วม 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วโลก อีกทั้งปัญหาชายแดนของไทยมีมายาวนาน ไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการออกมาพูดของบางกลุ่ม จึงเป็นการใส่ร้าย และเป็นการกล่าวหาที่ไร้เหตุผล
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังยืนยันด้วยว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ และพยายามสะสางปัญหาเรื่องชายแดน ซึ่งอีกไม่นานจะได้เห็นความชัดเจนเกิดขึ้น