โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน ชี้ 9 ของขวัญรัฐ ไม่แรง ไม่โดน คนกรุงเทพฯ มีแต่ได้ เกษตรกรไม่ได้อะไร อ้างนโยบายไม่เก็บค่าไฟฟ้า ผลักภาระภาคอุตสาหกรรม ทำราคาสินค้าสูงขึ้น หวังรัฐมีนโยบาย 7 ด้านให้เป็นรูปธรรม
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อแผ่นดิน นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศของขวัญเพื่อคนไทย 9 ข้อ ว่า เท่าที่ได้ติดตามสรุปได้ว่าไม่แรง ไม่โดนใจ ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับคนกรุงเทพฯ ส่วนคนไทยโดยเฉพาะเกษตรกรแทบไม่ได้รับอะไรเลย กล่าวคือ คนกรุงเทพฯได้ของขวัญ แต่คนไทยได้กล่องเปล่า เนื่องจากนโยบายที่ประกาศ ทั้งการช่วยเหลือผู้ค้าหาบเร่แผงลอย คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ เป็นคนที่ประกอบอาชีพอยู่ใน กทม.เท่านั้น และที่สำคัญ นโยบายบางข้อ อาทิ การไม่เก็บค่าไฟฟ้ากับครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วย เท่ากับเป็นการผลักภาระให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอาจส่งผลให้กระทบต่อการแข่งขันได้ และในอนาคตอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงรวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้ในที่สุด
นพ.ภูมินทร์ กล่าวอีกว่า ตนคาดหวังกับการที่รัฐบาลจะประกาศนโยบายที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่านี้ ใน 7 ด้าน คือ 1.การลงทุนด้านการท่องเที่ยวเพื่อสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ 2.การศึกษาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับเด็กไทย 3.การปราบปรามยาเสพติด 4.การปราบปรามเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน 5.การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร 6.การพัฒนาแหล่งน้ำให้กับภาคเกษตรกรรมทั่วประเทศ และ7.การแก้ไขปัญหาที่ดินที่ที่จริงจังเร่งด่วน
“มองดูแล้วไม่น่าพอใจ หากรัฐบาลอยากช่วยจริง รัฐต้องนำงบประมาณมาช่วยไม่ผลักภาระไปยังภาคอุตสาหกรรม ผลสะท้อนแบบเพิ่มค่าใช้จ่ายประชาชน ผลักภาระของคนอีกกลุ่ม มายังรายจ่ายประชาชนส่วนใหญ่” นพ.ภูมินทร์ กล่าว
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อแผ่นดิน นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศของขวัญเพื่อคนไทย 9 ข้อ ว่า เท่าที่ได้ติดตามสรุปได้ว่าไม่แรง ไม่โดนใจ ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับคนกรุงเทพฯ ส่วนคนไทยโดยเฉพาะเกษตรกรแทบไม่ได้รับอะไรเลย กล่าวคือ คนกรุงเทพฯได้ของขวัญ แต่คนไทยได้กล่องเปล่า เนื่องจากนโยบายที่ประกาศ ทั้งการช่วยเหลือผู้ค้าหาบเร่แผงลอย คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ เป็นคนที่ประกอบอาชีพอยู่ใน กทม.เท่านั้น และที่สำคัญ นโยบายบางข้อ อาทิ การไม่เก็บค่าไฟฟ้ากับครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วย เท่ากับเป็นการผลักภาระให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอาจส่งผลให้กระทบต่อการแข่งขันได้ และในอนาคตอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงรวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้ในที่สุด
นพ.ภูมินทร์ กล่าวอีกว่า ตนคาดหวังกับการที่รัฐบาลจะประกาศนโยบายที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่านี้ ใน 7 ด้าน คือ 1.การลงทุนด้านการท่องเที่ยวเพื่อสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ 2.การศึกษาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับเด็กไทย 3.การปราบปรามยาเสพติด 4.การปราบปรามเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน 5.การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร 6.การพัฒนาแหล่งน้ำให้กับภาคเกษตรกรรมทั่วประเทศ และ7.การแก้ไขปัญหาที่ดินที่ที่จริงจังเร่งด่วน
“มองดูแล้วไม่น่าพอใจ หากรัฐบาลอยากช่วยจริง รัฐต้องนำงบประมาณมาช่วยไม่ผลักภาระไปยังภาคอุตสาหกรรม ผลสะท้อนแบบเพิ่มค่าใช้จ่ายประชาชน ผลักภาระของคนอีกกลุ่ม มายังรายจ่ายประชาชนส่วนใหญ่” นพ.ภูมินทร์ กล่าว