หน.ปชป.ยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องจำนวน ส.ส. ต้องเป็นไปตามขั้นตอนในชั้นกรรมาธิการ หากเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ต้องเพิ่ม ส.ส.สัดส่วนเพื่อความสมดุล ชี้ข้อกำหนดใหม่ทำให้พรรคใหญ่ได้เปรียบหรือไม่ ไม่ทราบตั้งแต่แรก
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากในส่วนของกรรมาธิการในเรื่องจำนวน ส.ส. ซึ่งจะทำให้กระทบต่อการพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 ว่า ว่ากันไปตามกระบวนการของกรรมาธิการ เมื่อกรรมาธิการสรุปแล้วมีการสงวนความคิดเห็นการแปรญัตติหรือไม่ ก็เป็นเรื่องพรรคที่ต้องมาดูกันอีกทีในแง่ของการลงคะแนนในสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นไปตามผลของคณะกรรมการชุดของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของระบบการเลือกตั้ง ควรจะมีความสมดุล ซึ่งก็คือถ้าอยากกลับไปเป็นเขตคน ก็ควรจะทำให้เขตการเลือกตั้งเล็กๆ ให้ใหญ่ขึ้น ให้มีการถ่วงดุลโดยการเพิ่ม ส.ส.สัดส่วน ซึ่งตรงนี้เป็นความเห็นของตนในฐานะหัวหน้าพรรค
เมื่อถามว่า ประเด็นนี้ได้ถูกนำมาโจมตีเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบ เพราะ ส.ส.ไม่ได้ลดลง เท่ากับพรรคการเมืองอื่นๆ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไปพูดอย่างนั้นตนก็ไม่ทราบ เพราะตอนที่เรากำหนดแนวทางเรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขตไหนจะถูกลดลงไป ก็เพิ่งจะมามีรายชื่อทีหลัง เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีตัวแทน ส.ส.4 คน แต่ในขณะที่ภาคอีสานมีจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนใหญ่ ส.ส.ก็จะเป็นไปตามสัดส่วน ส่วน ส.ส.ภาคใต้นั้นก็มีประมาณกว่า 1 ใน 10 นิดหน่อย
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลอธิบายก็คือประชาชนได้ประโยชน์ด้วย แต่วันนี้การโต้เถียงในกรรมาธิการ คือประโยชน์ของฝ่ายการเมืองว่าพรรคไหนจะถูกตัดเสียงมากกว่ากัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดถึงเรื่องการตัดเสียงเลย จุดยืนของตนคือเห็นว่าข้อดีของเขตเล็กที่มีการพูดกัน คือความเป็นธรรม ความเป็นสากล แต่ว่าเราเคยแสดงความห่วงใยว่าการเลือกเป็นเขตเล็กนั้นมีปัญหาอะไรบ้างของคณะกรรมการก็ไปคิดได้ว่า ถ่วงดุลกับจุดอ่อนตรงนี้ ก็คือการเพิ่มสัดส่วนของ ส.ส.สัดส่วน และทำให้เขตมันใหญ่ขึ้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องของผลกระทบส่วนรวมทั้งนั้น ไม่ได้ไปพูดเลยว่าจะไปกระทบอย่างไร และตนก็คิดโดยส่วนตัวว่า ที่ไปคาดคะเนว่าแก้ไขอย่างนี้ พรรคนั้นพรรคนี้ได้เปรียบ ตนคิดว่ามันไม่ใช่ ถึงเวลาจริงๆ มันไม่มีผลขนาดที่ว่าจะแพ้จะชนะ ซึ่งตนไม่เชื่ออะไรอย่างนั้น
เมื่อถามว่า มีคนมองว่าถ้าหากเพิ่มขึ้น พรรคใหญ่จะได้เปรียบมากกว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แต่เวลานี้ระบบที่เขาเสนอมา มันไปลองรับพรรคเล็กมากขึ้น เพราะสมัยก่อนต้องได้เกินกี่เปอร์เซ็นต์ กี่เปอร์เซ็นต์ก็ถูกตัดออกไปเลย แต่ขณะนี้เขาก็ลดเงื่อนไขตรงนั้นลงไป เมื่อถามว่าถ้ากติกาตรงนี้มีความคิดเห็นที่แตกต่าง จนไม่ผ่านวาระ 2 วาระ 3 จะเป็นเงื่อนไขในการยุบสภาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ขอตอบคำถามการคาดคะเน