“ปานเทพ” ติงรัฐบาลด่วนสรุปคนไทยรุกล้ำเขตเขมร ทำผู้เสียหายเสียสิทธิ-เสี่ยงเสียพื้นที่รอบเขาวิหารเพิ่ม เหน็บหาก รบ.ใช้ตรรกะเดียวกันให้จับคนเขมรที่ข้ามเขตแดนไทย มาขึ้นศาลให้หมด ชี้แผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น ลากเส้นโยงหลักเขต 45-46 คนไทยยังอยู่ในพื้นที่ของไทย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันที่ 5 ม.ค.53 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ ผ่านรายการยามเช้าริมเจ้าพระยา ออกอากาศทางสถานี ASTV ทีวีของประชาชน ถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ออกรายการ “ตอบโจทย์” ทางทีวีไทยว่า ทำให้ได้ข้อมูลใหม่เพิมเติม คนไทยทั้ง 7 คนรุกเข้าไปในพื้นที่ที่เขมรอ้างว่าเป็นพื้นที่ของตนประมาณ 50 เมตร หากวัดจากสันปันน้ำรุกล้ำเข้าไปเพียง 8 เมตรเท่านั้น ทำให้เห็นว่าการตรวจสอบขาดความแม่นยำอยู่มาก อย่างไรก็ดี หลักเขตที่ 46-48 เป็นหลักเขตที่ยังตกลงกันไม่ได้ ถ้ายึดตามแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น ระบุว่าหลักเขตบริเวณดังกล่าวอยู่ตามถนน K5 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของไทยด้วย เมื่อเป็นดังนี้ รัฐบาลไม่ควรด่วนสรุปว่าคนไทยรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาแล้ว
นอกจากนี้ จากแผนที่ของกองกำลังบูรพา บอกไว้ชัดเจนว่า หลักเขต 46, 47 มีชาวกัมพูชารุกคืบพื้นที่ของประเทศไทย ถึง 87 ไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวปราศจากคนไทยอาศัยอยู่ แตกต่างจาก 7 คนที่เข้าไปเพียงแค่สำรวจหลักเขตแดนแล้วจะกลับออกมา กลับถูกทหารกัมพูชาจับตัวเสียก่อนที่จะไปถึงหลักเขตแดนที่ 46 ทั้งนี้ หลักเขตแดนที่ 46 หลักเขตเดิมมีอยู่ คนไทยเดินตามถนนไปทางเส้น K5 ฝั่งตะวันตก หากลากเส้นตรงจากลักที่ 45 กับ 46 ยังถือได้ว่าคนไทยทั้้ง 7 ยังอยู่ในดินแดนประเทศไทย อย่างไรก็ดี อย่างน้อยก็เป็นการได้รู้ว่าพื้นที่ที่ยังถกเถียงกันอยู่นี้ มีชุมชนและชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ในพื้นที่จริง
นายปานเทพกล่าวต่อว่า ปัญหาหลักเขตุแดนที่ยังตกลงกันไม่ได้ ยังไม่ควรสรุป เพราะตามความเป็นจริงอาจมีการจัดทำหลักเขตแดนเพิ่มเติมได้ในอนาคต ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่าจะทำให้ไทยมีพื้่นที่เพิ่มขึ้นอีกก็เป็นไปได้ จะว่าไปแล้วการที่รัฐบาลอ้างว่าไทยใช้เอ็มโอยู 43 ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำหลักเขตแดนไทยยังไม่เสียดินแดน ดูเหมือนไม่เป็นธรรมต่อคนไทยที่ถูกทหารเขมรจับตัวไป เนื่องจาก ปัจจุบันพื้นที่สันปันน้ำตามขอบหน้าผาบริเวณเขาพระวิหาร ที่สามารถกำหนดเขตพื้นที่ได้อย่างชัดเจน ทางไทยยังไม่ได้จัดการอะไรเลยกับคนเหล่านี้ แต่พอมาถึงพื้นที่ที่คนไทยเข้าไป ซึ่งเขตแดนไม่ได้มีการร่วมกันปักหลักกำหนดให้ชัดเจน เพราะหลักเขตุแดนยังย้ายได้อยู่ จึงไม่ถูกต้องที่รัฐบาลใช้ตรรกะ คนไทยรุกล้ำเข้าไปในกัมพูชาแล้ว
นายปานเทพกล่าวว่า การที่รัฐบาลออกตัวไปก่อนว่าคนไทยรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเขมร ก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างน้อย (1) คนไทย ต้องตกเป็นผู้กระทำความผิด (2) หากศาลบอกคนไทยรุกล้ำจริง แล้วฝ่ายไทยไม่ปฏิเสธเพราะได้ออกตัวไปแล้วว่าคนไทยรุกล้ำ ทำให้เขมรประกาศเพิ่มเติมให้น้ำหนักแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วไทยจะทำอะไรได้ (3) ถ้ากัมพูชาเดินหน้ารุกคืบแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน จะรวมไปถึงพื้นที่อีกหลายแห่ง ทั้งที่ยังไม่ได้ปักหลักเขตแดน ซึ่งอาจรามถึงพื้นที่บริเวณเขาวิหารด้วย
“เป็นห่วงสถานการณ์ขณะนี้ ไม่รู้ว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร ทำไมปล่อยให้มีการขึ้นสู่ศาล ทั้งๆ ที่ มีชุมชนกัมพูชาอยู่ในพื้นที่มีปัญหาจำนวนมาก หากใช้ตรรกะเดียวกันต้องจับคนกัมพูชาขึ้นสู่ศาลไทยทั้้งหมด หากไทยใช้อำนาจต่อรองเป็นคนไทยจะต้องไม่ขึ้นศาล และปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข ข้อเท็จจริงคนไทย-กัมพูชาต่างหาของป่าในพื้นที่เป็นปกติ ไม่ได้มาปักหลักอยู่อย่างถาวร หากเขมรใช้ตรรกะอย่างนี้ ทั้งสองประเทศจะไม่สงบสุขเลย คนที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนจะเดือดร้อนกันหมด รัฐบาลต้องไคร่ครวญ คำนึงถึงคนทั้งสองประเทศที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับความขัดแย้งทางการเมืองด้วย ดังนั้น รัฐบาลต้องไม่ประกาศว่าคนไทยรุกล้ำเข้าไปในกัมพูชา พร้อมกับกดดันไม่ให้ขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาของชั้นศาล หากเขมรยังดื้อดึงอยู่ก็ต้องหามาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นมากขึ้น” นายปานเทพ กล่าว