นักวิชาการ สะกิดรัฐบาลเอาจริงกำราบเสื้อแดง หลังใจดีเปิดโต๊ะเจรจากลับถือดีด่านายกฯ ซัด "สามเกลอ" ได้คืบเอาศอก ไม่มีอำนาจเจรจา เพราะเป็นได้แค่หุ่นเชิดนักโทษชาย แต่ดันออกหน้าอยากคุยกับ รบ. เชื่อถกไปก็ไร้ประโยชน์ รอบ 3 ไม่เกิดแน่ เตือน "มาร์ค" เลิกจัดทอล์คโชว์คุยโจร แนะ ทางก้าวข้าม "ทักษิณ" เติมความรู้รากหญ้า-ปฏิรูปสื่อ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
วานนี้ (30 มี.ค.) รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. มี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการเชิญ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) อดีตผู้นำนักศึกษาในยุค 14 ตุลาคม 2516 และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ รวมถึง รศ.วิทยากร เชียงกูร คณบดี วิทยาลัย นวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นการที่รัฐบาลเปิดโต๊ะเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง และประเด็นการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำม็อบไพร่ปลุกสงครามชนชั้นรากหญ้าให้โค่นล้มอำมาตย์
นายสมบัติ กล่าวถึงการเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับแกนนำคนเสื้อแดงว่า ไม่ประสบความสำเร็จทั้ง 2 ครั้ง เนื่องจากเป็นการเจรจาโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ประโยชน์อย่างเดียว แบบนี้ไม่ได้เรียกการเจรจา ทางที่ดีคือ ทุกฝ่ายต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่กล่าวหากัน รวมทั้งต้องมีความจริงใจ ไม่ใช่การแสดงละคร ไม่เช่นนั้นไม่มีผลจะแก้ปัญหาประเทศ สำหรับฝ่ายรัฐบาลให้นายกฯเป็นคนนำ ถือว่าให้เกียรติพอสมควร แต่ฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดงกลับเอาก๊วนสามเกลอมาเจรจา ซึ่งมันไม่แน่ชัดว่า คนพวกนี้มีอำนาจในการตัดสินใจหรือไม่ จึงเข้ามาเจรจากับรัฐบาล เพราะก็รู้กันอยู่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง มีอำนาจตัดสินใจจริงๆคือใคร
รศ.วิทยากร กล่าวถึงท่าทีการเจรจารัฐบาลว่า ตนคิดว่ารัฐบาลน่าจะทำอะไรมากกว่านี้ โดยการพูดจาเอาความมันของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมันไม่ได้ช่วยให้ประโยชน์กับประเทศ โดยถือเป็นโอกาสได้ด่าทอนายอภิสิทธิ์ มากกว่า ทั้งที่รัฐบาลมาด้วยความชอบธรรม จำเป็นอย่างไรต้องมาเปิดเวทีเจรจากับใคร
รศ.วิทยากร กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่อยากตำหนิรัฐบาลคือ นายกฯ พูดจาแบบผู้ดี แม้ว่าจะมีบางช่วงที่สวนแกนนำคนเสื้อแดงบ้าง แต่การไม่พูดอะไรตรงๆ อาจทำให้ชาวบ้านเข้าใจได้ยาก ดังนั้น นายกฯ ควรชี้แจงหรือระบุให้ชัดเจนเลยว่า แกนนำคนเสื้อแดงต้องการมาเรียกร้องอะไรกับรัฐบาล และเรียกร้องเพื่อใครกันแน่ เพราะถ้าเจรจาเช่นนี้เท่ากับเปิดทางให้แกนนำคนเสื้อแดงใช้เวทีสื่อในการออกโทรทัศน์
รศ.วิทยากร กล่าวอีกว่า สำหรับการเจรจารอบที่ 3 ตนคิดว่าไม่น่าเกิดขึ้น โดยมันเป็นเรื่องตลกที่การเจรจาจะต้องนำออกโทรทัศน์ โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ชอบขู่นายกฯ ในขณะที่นายอภิสิทธิ์เหมือนสู้อยุ่คนเดียว ไม่มีคนช่วย เสมือนถูกแกนนำคนเสื้อแดงโดนรุมด้วยซ้ำไป ดังนั้น การเจรจามันเหมือนเป็นรายการทอล์คโชว์มากกว่า ตนคิดว่าเป็นการความต้องการโชว์ออฟของแกนนำคนเสื้อแดง ที่ยื่นเงื่อนไขต้องเจรจาออกทีวี ตนคิดว่าการเจรจาไม่เป็นผล แต่อย่างน้อยรัฐบาลควรให้ความรู้กับประชาชน ต้องอธิบายให้รู้มากกว่านี้
นายสมบัติ กล่าวถึงผลการเจรจาดังกล่าวว่า เราควรจะเรียนรู้ว่าการเจรจาเป็นผลไม่เป็นผล ถ้าอะไรที่ทำแล้วไม่ได้ผล ถ้าจะไปทำอีก ก็จะทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์กันมากขึ้น
รศ.วิทยากร กล่าวถึงประเด็นคนชักใยแกนนำคนเสื้อแดงว่า ตนคิดว่าฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดงที่มาเจรจากับรัฐบาลนั้นเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการนำประเด็นการเจรจามาเป็นข้ออ้าง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่เอาจริง ผู้ชุมนุมก็จะได้ใจ ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนทำให้คนเสื้อแดงกลายเป็นองค์กรบังหน้าของผู้ก่อความไม่สงบ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปเจรจาด้วยซ้ำไป
นายสมบัติ กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เหตุผลของการเจรจาที่แท้จริงคือเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สิ่งที่อันตรายกว่านั้น มีการนำประเด็นนี้ไปขยายผลเพื่อสร้างความชอบธรรม โดยมีการปลูกฝังว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง ตนคิดว่าจริงๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร ถ้าเป็นเรื่องชาวบ้านเดือดร้อนแล้วรัฐบาลเปิดให้เข้ามาเจรจาแบบนี้จะมีประโยชน์มากกว่า ทั้งที่มันชัดเจนแล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนสั่งการและมีอำนาจสูงสุดในการชุมนุม โดยมักชอบโยนความผิดให้แก่ผู้อื่นหมด แล้วอ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด
รศ.วิทยากร กล่าวถึง วิธีที่ทำให้ประเทศไทยก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตนคิดปัญหาใหญ่คือเรื่องการศึกษาและเรื่องสื่อมวลชน โดยในเรื่องการศึกษาตนคิดว่าประเทศไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญด้านการศึกษา เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าต้องปฏิรูป ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ต้องร่วมปฏิรูปมากกว่านี้
"ผมขอเตือนนายอภิสิทธิ์ให้ทำงานเป็นทีมบ้าง อย่าวันแมนโชว์มากเกินไป โดยต้องเอาจริง และทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ทั้งกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย อย่าทำให้เกิดปัญหาต่อกัน ต้องพูดจากันให้ชัดเจนว่าส่วนไหนใครรับผิดชอบอะไร แล้วก็ต้องทำงานเต็มที่ อย่าปล่อยให้แต่ละวันผ่านพ้นไป ทิศทางการทำงานต้องชัดเจนว่าจะทำอะไร อย่างไร" รศ.วิทยากร กล่าว
รศ.วิทยากร กล่าวต่อว่า ถ้ารัฐบาลเอาใจใส่กับบ้านเมือง ก็จะมีผลงานออกสู่สายตาประชาชน โดยการใช้กฏหมายควบคุมสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมายต้องดำเนินการให้ชัดเจน แล้วต้องทำให้กฏหมายเป็นกฏหมาย ระบอบประชาธิปไตยจะอยู่ได้ การปกครองจะต้องศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้คนเชื่อถือ
นายสมบัติ กล่าวถึงหนทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองว่า ตนคิดว่าขณะนี้คนตื่นตัวเยอะ เพราะฉะนั้น แต่ละกลุ่มควรทำหน้าที่ของตัวเอง โดยเฉพาะองค์กรต่างๆ เครือข่ายต่างๆ ต้องทำหน้าที่ ต้องพ้นจากกรอบความคิด พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องก้าวข้ามให้ได้
รศ.วิทยากร กล่าวถึงโครงสร้างการเมืองไทยว่า โครงสร้างการเมืองไทยยังไม่เกิดการปฏิรูป โดยเหตุการณ์ 19 กันยาฯ แก้ปัญหาคนโลภมากเกินไป หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่โกงหรือคอรัปชั่นคงไม่จำเป็นที่พันธมิตรฯ จะต้องออกไปชุมนุมขับไล่ แล้วก็คงไม่เกิดการปฏิวัติ ดังนั้น ทุกอย่างมันเชื่อมต่อถึงกันหมด จึงต้องย้อนกลับมาดูเรื่องการศึกษาที่ในสังคมยังมีความแตกต่างกัน
นายสมบัติ กล่าวถึงต้นเหตุของปัญหาประเทศที่แท้จริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบอ้างเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยาฯ ว่าเป็นต้นเหตุปัญหาทุกอย่าง ซึ่งตนอยากให้ชี้แจงประเด็นให้ชัดเจนว่าอะไรคืออะไร โดยเหตุการณ์ปฏิวัติต้องระบุให้ชัดว่าเกิดจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุจริตคอรัปชั่น โดยเป็นบุคคลคนที่เป็นนักธุรกิจและนักการเมือง หากยอมให้ตรวจสอบ ระบอบประชาธิปไตยจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่พอ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมให้มีการตรวจสอบ จึงทำให้กลไกต่างๆ นำไปสู่เหตุการณ์ 19 กันยาฯ คนที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยจริงๆ คือ พ.ต.ทักษิณ
นายสมบัติ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หากมีการทำประชามติ ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องทำให้ชัดเจน และถามความเห็นประชาชน เพื่อจะทำให้เกิดประโยชน์ระยะยาว ไม่ใช่แค่สรุปเอาประเด็นที่นักการเมืองต้องการให้มีการแก้
รศ.วิทยากร กล่าวอีกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ และก่อนหน้านั้นต้องระดมให้การศึกษาประชาชน จะได้ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง โดยถ้าจะให้ดีควรให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ 1 ชุด เพื่อทำหน้าที่ ซึ่งถ้าจะให้ดี ควรเปิดเวทีให้ประชาชนอย่ามองแบบเพ้อฝัน ต้องรับความจริง