ที่ประชุม ศอ.รส.เข้ม “อนุพงษ์” จี้ตำรวจเร่งดำเนินคดีหาตัวคนร้ายมาลงโทษ รับหลายฝ่ายกังวลการก่อวินาศกรรม สั่งคุมเข้มเรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สุ่มเสี่ยง และพื้นที่สำคัญๆ โดยเฉพาะในงานกาชาด ที่มีตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.-7 เม.ย ย้ำกับกลุ่มเสื้อแดงห้ามใช้อาวุธเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้ช่วย ศอ.รส. เป็นประธานในการประชุม ศอ.รส. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุม โดยการประชุมครั้งนี้ไม่มีตัวแทนจากฝ่ายการเมืองเข้ามาร่วมประชุมแต่อย่างใด โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง โดยที่ประชุมทางตำรวจได้มีการรายงานสถานการณ์การชุมนุมและความคืบหน้าในการสืบสวนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นรายวันภายในกรุงเทพฯ ให้กับ ผบ.ทบ.รับทราบ โดยผบ.ทบ.ได้เร่งรัดให้ตำรวจมีมาตรการในการดำเนินคดี และหาผู้ก่อเหตุระเบิดมาลงโทษให้ได้ ซึ่งทางตำรวจได้รับปาก และยืนยันว่า ขณะนี้ได้มีการเร่งรัดในเรื่องของคดีอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม พล.อ.อนุพงษ์ ยังได้ฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายมีความเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์การก่อวินาศกรรม จึงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจะต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในงานวันกาชาดที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-7 เม.ย.นี้ เนื่องจากสถานที่จัดงานใกล้เคียงกับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั้งนี้ยังได้กำชับกำลังพลถึงมาตรการในการใช้อาวุธ โดย ผบ.ทบ.เน้นย้ำว่า ในพื้นที่การชุมนุมเจ้าหน้าที่จะต้องไม่มีการใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม ส่วนการรักษาความปลอดภัยที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีการสั่งให้ตั้งจุดตรวจบริเวณทางด่วน และที่สูงที่สุ่มเสี่ยงจะมีการใช้อาวุธยิงลูกระเบิดมายังกระทรวงสาธารสุข และบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ยังได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจุดต่างๆอยู่รักษาความปลอดภัยจนกว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินทางกลับ รวมถึงภายหลังจากที่ ครม.เดินทางกลับแล้วให้เจ้าหน้าที่อยู่รักษาความปลอดภัยอีกสักระยะหนึ่งจนมั่นใจว่าจะไม่เหตุการณ์ใดๆ จึงจะถอนกำลังทั้งหมดออกมา เนื่องจากเกรงว่าจะซ้ำรอยเหตุระเบิดที่กรมสุขภาพจิต ภายในกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมา