“อนุพงษ์” แจงเหตุถอนกำลัง 8 จุดหลังถูกไพร่แดงบุกกดดันเพราะมีกำลังน้อย ไม่ต้องการแตกหักกับม็อบ ขณะเดียวกัน ยอมรับป้องกันเหตุบึ้มรายวันยาก เหตุพื้นที่กว้างหากกระจายกำลังดูแลความปลอดภัย มากไปจะเกิดปัญหาตอนเรียกระดมพล เผยปรับแผนดูแลทางด่วนแล้วหลังเกิดเหตุยิงระเบิดใส่สถานที่ต่างๆ สั่งตำรวจ ทหารรับผิดชอบ หลังเจ้าหน้าที่ทางด่วนล้มเหลวในการปัองกันเหตุ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในขณะนี้ว่า หลักการปฏิบัติมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ ลักษณะที่ต้องเตรียมปฎิบัติในการรักษาสถานที่ต้องใช้กำลังพลค่อนข้างมาก และต้องมีการรวมกำลัง อย่างสถานที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ที่ใช้กำลัง 20 กองร้อย ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิใช้ 20 กองร้อย การจะรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้คนมาทำอะไรได้ ต้องกระจายกำลังเป็นจุดตรวจสายตรวจเต็มพื้นที่ เมื่อกำลังไปรวมกันอยู่จำนวนน้อย ถ้าเจอกลุ่มผู้ชุมนุมมากๆ นั้นจะเป็นจุดอ่อน
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าทหารไม่มีสี เพราะเป็นทางเดียวที่กองทัพดูแลประเทศชาติได้ การที่จะมีสีหนึ่งสีใดคงเป็นการเข้าใจผิด ส่วนกรณีที่ทหารมีการถอนกำลังจาก 8 จุดนั้น ตนมองว่าเมื่อกำลังอยู่น้อยและมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก การจะไปแตกหักคงไม่ใช่เรื่อง เพราะสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สาธารณะ และทุกคนเป็นพี่น้องคนไทยด้วยกัน ทำให้ทหารต้องถอนกำลังออกไป และมีการปรับกำลัง
“ขณะนี้เรามีจุดตรวจเพิ่มเป็น 300 จุดในเฉพาะพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ซึ่งกรุงเทพฯ มี 50 เขตเท่ากับว่าเขตหนึ่งจะมีเพียง 6 จุด ดังนั้น ไม่มีทางควบคุมได้ว่าจะไม่ให้เกิดเหตุทุกที่ การกระจายกำลังมากเกินไป และจะนำมากำลังมาใช้รวมเป็นกลุ่มก้อนคงทำได้ค่อนข้างยาก” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่บนทางด่วนนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า มีการทำงานร่วมกันระหว่างทหาร ตำรวจ ซึ่งเราไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ดูแลบนทางด่วนแตกย่อยออกไปอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่บนทางด่วนไม่เคยดูแลในเรื่องนี้ แต่เขาดูแลเพียงเรื่องอุบัติเหตุจราจร และกล้องที่ติดอยู่ก็ดูแลแค่เรื่องอุบัติเหตุไม่ได้ดูว่าใครจะยิง หรือก่อเหตุร้าย สรุปแล้วการทำงานมีปัญหาทั้งนั้น
“เวลาคนร้ายจะก่อเหตุ เมื่อเขาเห็นว่าบริเวณไหนทำไม่ได้ เขาก็ไม่ทำ ตรงไหนทำได้เขาก็ทำ ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะทุกแห่งในโลกมีปัญหาเช่นนี้ เพราะเขาจะอาศัยช่องว่างในการก่อเหตุ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการแอบอ้างว่าอาวุธที่ใช้ส่วนใหญ่มาจากทหาร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตนยังไม่เคยกล่าวอ้างว่าฝ่ายใดเป็นคนทำ แต่ให้ใช้ตามหลักกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาจับกุมได้หลายราย ส่วนที่จับไม่ได้ก็ต้องไปดูกล้องบนทางด่วน หากมีรถพันกว่าคันวิ่งผ่าน ก็ต้องดูให้ได้ว่า มีรถคันไหนที่ต้องสงสัย แต่คงต้องใช้เวลามาก สรุปคือ ต้องป้องกันและสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะมาชุมนุนมที่ ร.11 รอ. และอาจจะไปล้อมทำเนียบรัฐบาลต่อ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เขาคงไม่บุก เพราะเขายืนยันว่าเขาจะไม่เข้าสถานที่ราชการ ทั้งนี้เขาก็มีจุดยืนในการที่จะทำอะไร และสิ่งที่สำคัญ คือ การยอมรับของคนในชาติ ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะส่งตัวแทนมาเจรจานั้น เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีและ รองนายกรัฐมนตรี