xs
xsm
sm
md
lg

บันไดสามขั้นของยุทธการ “เอาเงินของกูคืนมา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระเบิดเอ็ม 79 สองลูกซ้อน ที่ถูกยิงเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุข บ่าย 3 โมงวานนี้ ขณะที่โฆษกรัฐบาลกำลังแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณเร่งสถานการณ์ให้ถึงจุดแตกหักโดยเร็วยิ่งขึ้น

เป็นปฏิบัติการจากเบาไปหาหนัก จากปฏิบัติการยามวิกาล สู่การลงมือกลางวันแสกๆ จากที่เพียงต้องการข่มขู่ สร้างความปั่นป่วน มาเป็นการทำลายล้าง ยิงเข้าไปในสถานที่ราชการในเวลาทำการ โดยไม่สนใจว่าจะมีคนตายหรือบาดเจ็บหรือไม่

คนที่สั่งการอันเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้ มีแต่ผู้ที่จนตรอก ถึงทางตัน ไม่มีอะไรที่จะต้องสูญเสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ระเบิด 2 ลูกที่กระทรวงสาธารณสุข และที่เชียงใหม่วานนี้ จรวดอาร์พีจีที่ยิงเข้าใส่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นการโหมโรงเท่านั้น เพราะระเบิดที่ยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ใกล้บ้าง ไกลบ้างจากที่ชุมนุมของไพร่แดง ย่อมส่งผลเพียงแค่สร้างความหวาดกลัว และดิสเครดิตนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับกองทัพเท่านั้น แต่ไม่สามารถเร่งเกมให้ไปถึงจุดแตกหักได้

มีแต่ต้องเอาเลือดเนื้อของไพร่แดงที่มานั่งๆ นอนๆ ตากแดด อยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ สังเวยไพร่ประตูผีเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนโหมดของสถานการณ์จากโหมดโหมโรงเข้าสู่ โหมดปะทะได้

จึงเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งของขบวนไพร่แดงที่มีแนวโน้มอย่างสูงว่าจะต้องเสียสละเพื่อประชาธิปไตยจอมปลอมของ นช.ทักษิณ ชินวัตร นอกเหนือจากความเสี่ยงที่จะตายเงียบจากไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว


ยุทธการ “เอาเงินของกูคืนมา” ของ นช.ทักษิณครั้งนี้ เปิดฉากด้วยการ ระดมไพร่แดงมาชุมนุมในเมืองหลวง ตั้งความหวังว่าจะเกณฑ์ไพร่แดงมา 1 ล้านคน แต่เอาเข้าจริง แค่แสนเดียวยังไม่ถึงและลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น เพราะผู้ที่มาร่วมชุมนุม มาด้วยอามิสสินจ้าง มาด้วยความเชื่อที่ถูกกรอกหูอยุ่ทุกวัน ไม่ได้มาด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แท้จริง

อย่าว่าแต่ผู้ที่มาร่วมชุมนุมเลย ที่ไม่เข้าใจว่ามาทำไม แม้แต่ในหมู่แกนนำก็ยังสับสนว่า จะสู้เพื่อเป้าหมายอะไร สู้กับใคร จะโค่นอำมาตย์ จะทำสงครามชนชั้น จะไล่อภิสิทธิ์ หรือจะให้ยุบสภา สุดแท้แต่ว่าใครจะคิดอะไรขึ้นมาได้ก็พูดออกไป

แม้จะพยายามแก้เกม จัดฉากสร้างเหตุการณ์ให้ดูน่าเกรงขาม ด้วยการเกณฑ์ไพร่แดงในเมือง มาแห่ไปรอบกรุงเทพ แต่ไม่บังเกิดผลอะไรทั้งสิ้น สุดท้าย หลังกลับมาสมทบกันหลังเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แกนนำได้แต่นั่งมองหน้ากัน แล้วถามตัวเองในใจว่า ไปไหนมา ไปทำไม

เมื่อแผนที่จะเอาชนะประเทศไทย ด้วย การทำให้รถติด ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า การชุมนุมของไพร่แดง มีผลเพียงแค่ทำให้คนกรุงเทพหงุดหงิดรำคาญใจเท่านั้น ยุทธการ “เอาเงินของกูคืนมา” ก็ก้าวเข้าสู่ขั้นที่สอง คือ เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล โดยส่งพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปเกลี้ยกล่อมพรรคร่วมให้ถอนตัว

พล.อ.ชวลิต แถลงข่าวเรียกร้องให้พรรคร่วมถอนตัวยังไม่ทันจบ นายโสภณ ซารัมย์ แห่งพรรคภูมิใจไทยก็สวนกลับมาว่า ไม่ต้องมา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา บอกว่า ถ้าจะมาให้เอาคนที่พูดรู้เรื่องกว่านี้มา นายชวน หลีกภัย ถึงกับออกปากว่าจะเอากันถึงขนาดนี้เชียวหรือ

แผนการเสี้ยมพรรคร่วม ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

ยุทธการ “เอาเงินของกูคืนมา” จึงต้องเข้าสู้ขั้นที่สามเร็วกว่ากำหนด คือ การสร้างสถานการณ์ใช้ความรุนแรง เอา ไพร่แดง เป็นเหยื่อ โดยหวังว่า หากมีการเสียเลือด เสียเนื้อแล้ว รัฐบาลจะสูญเสียความชอบธรรม ต้องลาออก หรือยุบสภา หรือกองทัพ อาจจะยึดอำนาจ

หากเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ นช.ทักษิณ เรื่องแบบนี้ย่อมเป็นไปได้ แต่สำหรับรัฐบาลนี้ ที่ได้เตรียมความคิดประชาชนล่วงหน้ามาเกือบเดือนแล้วว่า หากมีความรุนแรงจะไม่ได้เกิดจากฝ่ายรัฐบาล การสร้างสถานการณ์ความรุนแรง จะยิ่งเป็นความชอบธรรมที่รัฐบาลจะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เข้าจัดการ สมใจประชาชนจำนวนมาก ที่ขณะนี้ กำลังหงุดหงิดเต็มที่กับนายอภิสิทธิ์ ที่เอาแต่เป็นฝ่ายตั้งรับ

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น วันนี้ ขบวนไพร่แดงถูกไฟต์บังคับให้ต้องเดินหน้าเข้าสู่สมรภูมิ แม้แกนนำจะรู้ดีว่า มันจะนำไปสู่อะไร แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะถ้าปล่อยให้ การประชุมสภา ดำเนินไปตามปกติ ไม่มีการชุมนุมปิดล้อม ให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ก็จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ การชุมนุมที่กำลังอยุ่ในช่วงขาลง ให้ปิดฉากเร็วยิ่งขึ้น เพราะปล่อยให้ศัตรูมาลูบคมถึงหน้าบ้าน

นายอภิสิทธิ์ย้ำหลายครั้งว่า สัปดาห์นี้สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ แม้ว่าจะต้องไปประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข แต่ก็เป็นสัญญลักษณ์ว่า เขาสามารถออกจาก กรมทหารราบที่ 11 มาบริหารราชการแผ่นดินตามปกติได้

การประชุมสภา วันนี้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่ต้องไปก็ได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้น แต่นายอภิสิทธิ์ ต้องไป เพื่อทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ โดยเร็วที่สุด

นายอภิสิทธิ์ย้ำหลายครั้งว่า จะใช้แนวทางตามคำสั่งของศาลปกครองที่ 1605/2551 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 เป็นแนวทางปฏิบัติ

คำสั่งศาลปกครองนี้ เห็นว่า การชุมนุมเพื่อกีดขวางการเข้าแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 มิใช่การชุมนุมโดยสงบ ไม่ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ 2550

คำสั่งศาลปกครองนี้ยังวางแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมว่า “หากจะกระทำการใดๆ ต่อผู้เข้าร่วมชุมนุมต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความเหมาะสม มีลำดับขั้นตอนตามหลักสากลที่ใช้ในการสลายการชุมนุมของประชาชน”

ยุทธการเอาเงินของกูคืนมา อาจจะปิดฉากเร็วกว่าที่กำหนด และปิดฉากแบบที่ นช.ทักษิณ คาดไม่ถึง



กำลังโหลดความคิดเห็น