ASTVผู้จัดการ – แรมโบ้อีสาน คึกจัด พ่นคำโกหกยาวกว่าครึ่งชั่วโมง ยุเสื้อแดงเผาศาลากลาง ด่า “พล.อ.เปรม-อภิสิทธิ์” ตีตนเสมอเจ้า อยากเป็นกษัตริย์-สั่งศาลได้ตามอำเภอใจ อ้าง “มาร์ค” งดไปออสเตรเลีย เพราะคนเสื้อแดงเขียน จ.ม.เตือน รบ.ออสซี่ ยุคนเสื้อแดงจับ “ป๋าเปรม” แขวนคอกลางสนามหลวง เอาอย่าง 6 ตุลาฯ 19
ก่อนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง (นปช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนวานนี้ (10 มี.ค.) กลุ่มคนเสื้อแดงได้เปิดเวทีปราศรัย “เวทีประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ” ณ ลานอเนกประสงค์ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยมีแกนนำและกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสานเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ในช่วงเวลาประมาณ 22.30น.นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน” แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยตอนต้น นายสุพรได้ยกโคลงบทสุดท้ายศรีปราชญ์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวอย่างอาฆาตแค้นหลังศาลฎีกาตัดสินยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ขึ้นมากล่าวปลุกใจคนเสื้อแดง
ยุเสื้อแดงเผาศาลากลาง
จากนั้น นายสุพร ได้กล่าวว่า พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งตนว่าจะเกิดเหตุปฏิวัติรัฐประหารขึ้นโดยกลุ่มอำมาตย์ เพราะฉะนั้นให้แกนนำและกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมพร้อมให้ดี เพื่อที่จะสู้ในทุกสถานการณ์ อย่างเช่น ถ้าเกิดเหตุปฏิวัติ คนเสื้อแดงก็ต้องเข้าไปยึดศาลากลางทุกแห่ง และจุดไฟผิงเพื่อแก้หนาว
พร้อมกันนั้น ได้กล่าวความเท็จให้ร้าย และก้าวล่วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อย่างต่อเนื่อง
“พวกคุณเสวยสุข พวกคุณอยากไปดื่มไวน์ราคาแพงๆ นี่ผมรู้นะเปรม ผมรู้ว่าทุกคืน คุณกลับสี่เสาฯ ตี 5 ทุกคืน ผมรู้กระทั่งว่าวันนึงมีรถไปรับคุณ กี่โมงกี่ยาม และคุณก็ไปลีลาศ และคุณก็ไปดื่มไวน์ คุณก็ไปเสวยสุขทั้งคืน และคุณกลับสี่เสาฯ ตี 5 ทุกวัน” นายสุพร กล่าว พร้อมกล่าวความเท็จอีกว่า หาก พล.อ.เปรม ต้องการทรัพย์สินของใครก็สามารถเรียกเอาได้ตลอดเวลา แต่ไม่เคยสนใจความทุกข์ยากของประชาชนแต่อย่างใด
ก้าวล่วง “สถาบันฯ-ป๋า” รุนแรง
ต่อมา นายสุพร ได้กล่าวอีกว่า พล.อ.เปรม นั้น ต้องการอำนาจ โดยใช้ทหารทำการปฏิวัติรัฐประหาร ทำลายรัฐธรรมนูญปี 2540 และร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ขึ้นมาใหม่ เพื่อที่ว่าในที่สุดแล้ว พล.อ.เปรม จะขึ้นเป็นกษัตริย์
“ปล้นเรามา ทำลายรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งเป็นฉบับของประชาชน แล้วไอ้พวก คมช.ก็ไปร่างขึ้นมาใหม่ เพื่อเอาใจ เปรม ติณสูลานนท์ วางแผนให้ เปรม ติณสูลานนท์ ในมาตรา 20 ให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระเจ้าอยู่หัว นั่นคือ เป้าหมาย เปรม ต้องการเป็นพระมหากษัตริย์เสียเอง … นี่แหละคือสิ่งที่เราเรียกว่าไพร่ตะกายฟ้า” อดีต ส.ส.ไทยรักไทยกล่าวเท็จ และว่า พวกของ พล.อ.เปรม นั่นแหละที่ทำลายสถาบันฯ มิใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ
อนึ่ง เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 เพื่อเปรียบเทียบข้อความใน มาตรา 20 ตามคำกล่าวของ นายสุพร ก็พบว่า ไม่ว่าจะรัฐธรรมนูญปี 40 หรือ 50 มาตรา 20 ต่างก็ระบุข้อความเกี่ยวกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้เหมือนกันทั้งสิ้น และไม่ปรากฏว่ารัฐธรรมนูญปี 50 จะเอื้อให้ประธานองคมนตรีมีอำนาจมากขึ้นแต่อย่างใด
หลอกเสื้อแดง “อภิสิทธิ์” ตีตนเสมอเจ้า
นอกจากนี้ นายสุพร ยังได้ยกภาพกรณีที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2553 ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยอ้างว่า ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ พยายามตีตนเสมอเจ้า
“พี่น้องจะเห็นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับจะลงภาพเหมือนกันหมด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการสร้างภาพว่า เขาเนี่ย ยิ่งใหญ่ขนาดไหนในแผ่นดินนี้ (เสียงปรบมือ) ผมเห็นแต่นายกรัฐมนตรีจะต้องนั่งคุยกับพระเจ้าอยู่หัว ผมเห็นแต่ผู้เข้าไปถวายรายงานจะต้องเข้าไปนั่งคุยอยู่ที่พื้น กับพระเจ้าอยู่หัว แต่อภิสิทธิ์เข้าเฝ้าฯพระเจ้าอยู่หัวครั้งใด ไม่เคยนั่งพื้นเลย ตีตนนั่งเสมอพระเจ้าแผ่นดินทุกครั้ง นี่คือ สิ่งที่แรมโบ้อีสานเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดตีตนเสมอเจ้า เหมือนกับลูกพี่ของมัน อำมาตย์เปรมที่คิดจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียเอง” นายสุพร โกหกต่อ
ทั้งนี้ ในกรณีกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ ตีตนเสมอเจ้านั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2552 ซึ่ง พรรคเพื่อไทย โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ออกมากล่าวโจมตี ว่า ในวันที่ 12 ม.ค.2552 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เข้าเฝ้าฯพระเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยเป็นความพยายามของนายอภิสิทธิ์ในการตีตนเสมอเจ้า ทว่า ในเวลาต่อมาก็ปรากฏชัด ว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด เพราะแม้แต่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ หรือ ข้าราชบริพารคนอื่นๆ ก็เคยเข้าเฝ้าถวายรายงานในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน (อ่านข่าว : จับโกหก “หัวขวด” หน้าหงายภาพ “หมัก” ฟ้อง)
ภาพนายสมัคร สุนทรเวช เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ภาพนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2552
ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นำ นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2544 เวลา 17.30 น.
ภาพนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2553
แหล “มาร์ค” งดไปนอก เพรา ะรบ.ออสซี่ ไม่ต้อนรับ
ต่อมา เจ้าของฉายาแรมโบ้อีสาน และหนึ่งในแกนนำผู้ก่อจลาจลเมื่อเมษายน 2552 ได้โกหกอีกว่า สาเหตุที่ นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ยกเลิกการไปเยือนประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค.นี้ ก็เพราะคนเสื้อแดงในออสเตรเลียได้เขียนจดหมายถึงรัฐบาลออสเตรเลียว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการรัฐประหาร ดังนั้น รัฐบาลออสเตรเลียจึงแจ้งต่อรัฐบาลไทยว่าไม่รับรองความปลอดภัยของนายอภิสิทธิ์
“ประเทศออสเตรเลียขอสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เขาไม่ชอบการปฏิวัติ … ผลปรากฎว่า พอคนเสื้อแดงทำหนังสือถึงรัฐบาลออสเตรเลีย ปรากฏว่า รัฐบาลออสเตรเลียก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มา เพราะเขาไม่สามารถรับรองความปลอดภัยได้” นายสุพร กล่าวโกหก พร้อมอ้างอีกว่า รัฐบาลออสเตรเลียเห็นชอบกับสิ่งที่คนเสื้อแดงทำ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียงสั่งฆ่าประชาชน
“นายอภิสิทธิ์ ได้วางแผนในฐานะผู้นำประเทศ เหมือนคลิปเสียงที่ออกมา ที่เราฟังกันแล้วฟังกันอีก … รัฐบาลออสเตรเลียเขาเลยเชื่อว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ คนสั่งฆ่าประชาชนจริงๆ พี่น้อง” นายสุพร ปราศรัยด้วยความคึกคะนอง
อ้าง “ป๋า” สั่งจัดการเสื้อแดง สั่ง “ศาล” ได้
จากนั้น นายสุพร ได้ชูเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมา โดยกล่าวอ้างว่า เป็นเอกสารการประชุมและคำสั่งของประธานองคมนตรีในวันที่ 5 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ณ บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ โดยระบุว่า พล.อ.เปรม ได้สั่งตำรวจให้ทำเรื่องถอนประกันแกนนำคนเสื้อแดงเพื่อยื่นต่อศาล
“อำมาตย์เฒ่าสั่งให้ถอนประกันแกนนำเสื้อแดงทั้งหมด โดยอำมาตย์เฒ่าจะเป็นคนสั่งศาลเองครับพี่น้องครับ เห็นไหมว่า ที่ทักษิณถูกยึดทรัพย์ ว่าที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบ พรรคพลังประชาชนถูกยุบ สมัคร สุนทรเวช ถูกตัดสิทธิ์ ทำกับข้าวออกทีวีถูกปลดออกจากนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกตัดสิทธิ์ คนเสื้อแดงถูกจำคุก คนเสื้อแดงถูกดำเนินคดี คนเสื้อเหลืองไม่ต้องถูกดำเนินคดี ยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน ไม่ต้องถูกดำเนินคดี เพราะเปรมสั่งศาลได้ครับพี่น้อง” นายสุพร กล่าวและว่า เพราะฉะนั้นจึงพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า กระบวนการตุลาการ และกระบวนการศาลนั้นไม่มีความเป็นธรรม เพราะอยู่ใต้อำนาจ พล.อ.เปรม
คึกโยง “ธ.กรุงเทพ-ซีพี-เบียร์ช้าง” ปราบเสื้อแดง
ในส่วนของการรับมือของคนเสื้อแดง นายสุพร ได้อ้างเอกสารลับดังกล่าว ระบุว่า พล.อ.เปรมได้ให้กำลังใจนายทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ และว่า หากงบประมาณไม่พอให้แจ้งคนใกล้ชิดเพื่อที่จะติดต่อไปยังเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ ประกอบไปด้วย คนในตระกูลโสภณพนิช ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ, ผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้างเพื่อขอเงินมาสนับสนุน
“ถ้างบลับไม่พอให้ติดต่อสองคนข้างบน … เพื่อใช้เงินของท่าน และเงินของซีพี คุณเจริญ คุณชาตรี ทั้งสามได้เตรียมพร้อมสนับสนุน และได้ติดต่อไว้แล้ว ถ้าสู้เต็มที่เสื้อแดงแตกขบวนคุมไม่อยู่ อย่ากังวล บอกนายตำรวจชั้นประทวน เรื่องนี้เรื่องเล็ก … นี่คำสั่งอำมาตย์เฒ่าครับพี่น้อง (เสียงปรบมือ) ซีพี เจริญโภคภัณฑ์ นายเจริญ โรงเหล้า นายชาตรี ธนาคารกรุงเทพ สมุนอำมาตย์ทั้งนั้น ที่เตรียมเงินไว้เล่นงานพวกเรา” แรมโบ้อีสาน โกหกกลางเวที
อดีต ส.ส.ไทยรักไทย กล่าวต่อว่า จากเอกสารลับดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นว่า พล.อ.เปรม กำลังประพฤติตัวราวกับว่าตัวเองเป็นประธานประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสร้างบ้านไร้กังวล ณ จังหวัดนครราชสีมา เลียนแบบพระราชวังไกลกังวล โดยรีดไถเงินจากชาวบ้าน พร้อมกันนั้น ยังไม่เคยจ่ายเงินค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ในบ้านหลังดังกล่าวแต่อย่างใด
ในช่วงท้ายของการปราศรัย นายสุพร ได้กล่าวปลุกระดมต่อว่า จุดสุดท้ายของการต่อสู้ของคนเสื้อแดง คือ นายอภิสิทธิ์ จะต้องประกาศยุบสภา มิฉะนั้น ตระกูลเวชชาชีวะจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ขณะที่ พล.อ.เปรม ก็จะเป็นเหมือน นายซัดดัม ฮุสเซน คือ โดนแขวนคอ
“... และจุดจบของอำมาตย์ เปรม ติณสูลานนท์ ก็ไม่ต่างกับผู้นำอิรัก ที่ชื่อ ซัดดัม ฮุสเซน นั่นหมายความว่า จุดจบของอำมาตย์เปรม คือ ต้องถูกแขวนคอโดยประชาชน ที่ต้นมะขาม ท้องสนามหลวง (เสียงเฮ) เพราะสิ่งที่คุณทำนั้น คุณได้ทำลายบ้าน ทำลายเมือง ทำลายประเทศชาติ ประชาชน และคุณกำลังจะสั่งกองทัพ เข่นฆ่าประชาชนเป็นรอบที่สอง” แรมโบ้อีสานปราศรัยท่ามกลางเสียงเฮของคนเสื้อแดง