นักวิชาการรู้ทัน “ทักษิณ” ไม่ยอมรับคำตัดสินคดียึดทรัพย์แน่นอน เหตุมีเป้าหมายเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นทุกพันธะ และกลับมาทวงคืนอำนาจ ชี้ความขัดแย้งคนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดชุมนุมเสื้อแดง 14 มี.ค.นี้จะรุนแรง ชี้แกนนำเสื้อแดงแตกคอแค่ลับลวงพราง
วันนี้ (28 ก.พ.) นายตระกูล มีชัย อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีการยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 46,373 ล้านบาทว่า ผลที่ออกมาไม่ว่าจะยึดครึ่งเดียวหรือยึดหมด พ.ต.ท.ทักษิณก็รับไม่ได้อยู่แล้ว และกรณียึดทรัพย์ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของเขา เพราะเป้าหมายหลักคือการหลุดพ้นจากพันธะต่างๆ เพื่อจะได้กลับมามีอำนาจหมด แต่ไม่ใช่อำนาจจากการเป็นรัฐบาลเขาจะเปลี่ยนแปลงและยึดอำนาจรัฐทังระบบ ซึ่งได้มีการวางเป้าหมายเป็นเป็นขั้นตอนเรียบร้อยแล้วยิ่งสอดคล้องกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานภาคใต้ พรรคเพื่อไทยออกมาแถลงว่าจะปรับกลยุทธ์ แต่เป้าหมายยังเหมือนเดิม ซึ่งฝ่ายความมั่งคงของรัฐจะต้องสร้างความสมดุล ในการปราบปรามการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มี.ค.นี้โดยรัฐไม่ใช้ความรุนแรง และไม่ให้บ้านเมืองเสียหาย
“การตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้นักการเมืองกลัวผลจากการทุจริตได้ เพราะสังคมไทยเรายากที่จะจัดการกับนักการเมืองพวกนี้ อย่าว่าแต่ พ.ต.ท.ทักษิณเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจของตัวเองเลย นักการเมืองรัฐบาลปัจจุบันก็ยังคงมีการทุจริตแบบโบราณโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ที่คอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการมหาดไทย และกรณีเรื่องของ 3 จี รัฐบาลไม่ต้องหาใบเสร็จหรอก มันมีแบบนี้จริงๆ ต่อให้เหลือง-แดงมารักกัน เป็นไปไม่ได้ ความขัดแย้งทางความคิดของคนไทยจะมีขึ้นเรื่อยๆ เพราะตราบใดที่มีผลประโยชน์ของรัฐยังไม่หมด ซึ่งจะต้องสร้างมาตรฐานถ่วงดุลทางการเมือง เพราะนักการเมืองไม่กลัวอะไร เท่ากับการตรวจสอบ ผมเห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งบางโครงการ เป็นการหาข้อมูลการทุจริตให้ประชาชนรับทราบถือว่าไม่ปิดบังเปิดให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ และน่าจะเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย นายกฯจะได้เสียงเพิ่มอีก ไม่เหมือนรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ปกปิดข้อมูลการทุจริต ไม่ให้ประชาชนรับทราบ” นายตระกูลกล่าว
นายตระกูลกล่าวว่า หลังจากนี้ไปเขาจะเดินเกมทั้งในและนอกสภา เชื่อว่าเมื่อถึงวันนั้น สถานการณ์มีโอกาสเกิดความรุนแรงเหมือนเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา เพราะกลัวว่ารัฐบาลจะอ่อนล้าในการเตรียมตัวรับมือกลับกลุ่มผู้ชุมนุมจนอาจเกิดช่องว่างได้ เพราะอย่าลืมว่าคนที่คอยระวังตัว กับคนที่คอยจะจ้องทำลายนั้น คนคอยระวังตัวจะเสียเปรียบ ซึ่งไม่อยากให้ทุกฝ่ายมองว่า แกนนำเสื้อแดงแตกคอกัน เขาแตกคอกันไม่ได้หรอก เพราะเป้าหมายและทุนของเขาอยู่ที่คนคนเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิต ได้ให้สัมภาษณ์ว่าการพิจารณาคดีครั้งนี้ของผู้พิพากษาว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลัง นายตระกูลกล่าวว่า แน่นอน พล.อ.ชวลิต ไม่ได้หมายถึงคนนั้นคนเดียวหรอก แต่หมายถึงอีกคนด้วย การที่เขาพยายามหมายถึงคนที่อยู่เบื้องหลังการพิจารณาครั้งนี้ เพื่อปลุกกระแสให้ประชาชนลุกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะจากฟังคำพิพากษารู้สึกว่า กระแสจะลดลง