“เมธี” ชี้ศาลพิพากษา “ทักษิณ” เฉพาะทรัพย์สิน ไม่เกี่ยวคดีอาญา เล็งถกองค์กรที่เกี่ยวข้องดูคำพิพากษา 5 ประเด็น เกี่ยวคดีอาญาหรือไม่ ลั่นพร้อมฟันต่อทันทีหากพบมีผิด
วันนี้ (27 ก.พ.) นายเมธี ครองแก้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่าตนเองไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เป็นผู้ใช้กฎหมาย เท่าที่รับฟังการตัดสินวานนี้ (26 ก.พ.) เห็นว่า สิ่งที่ศาลพิจารณาเป็นเพียงแค่คำตัดสินที่มีต่อทรัพย์สินเท่านั้น ซึ่งไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ถามไปในส่วนของการกระทำผิดทางอาญา เช่น การกระทำผิดที่เกิดขึ้นในขณะดำรงตำแหน่ง ซึ่งเรื่องนี้คงต้องมีการหารือระหว่างองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไร
อย่างไรก็ตาม นายเมธีกล่าวต่อถึงกรณีว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการคดีอาญาต่อว่า ในส่วนของตนเองนั้นเห็นว่า ก่อนอื่นต้องหารือก่อนว่าสิ่งที่ศาลพิจารณาพิพากษา พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้ง 5 ประเด็น เข้าข่ายความผิดทางอาญาด้วยหรือไม่ และหากว่าเข้าข่ายแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหากเข้าข่ายความผิดทางอาญา แต่ไม่มีการดำเนินการอะไรคงไม่ได้ เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
วันนี้ (27 ก.พ.) นายเมธี ครองแก้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่าตนเองไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เป็นผู้ใช้กฎหมาย เท่าที่รับฟังการตัดสินวานนี้ (26 ก.พ.) เห็นว่า สิ่งที่ศาลพิจารณาเป็นเพียงแค่คำตัดสินที่มีต่อทรัพย์สินเท่านั้น ซึ่งไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ถามไปในส่วนของการกระทำผิดทางอาญา เช่น การกระทำผิดที่เกิดขึ้นในขณะดำรงตำแหน่ง ซึ่งเรื่องนี้คงต้องมีการหารือระหว่างองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไร
อย่างไรก็ตาม นายเมธีกล่าวต่อถึงกรณีว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการคดีอาญาต่อว่า ในส่วนของตนเองนั้นเห็นว่า ก่อนอื่นต้องหารือก่อนว่าสิ่งที่ศาลพิจารณาพิพากษา พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้ง 5 ประเด็น เข้าข่ายความผิดทางอาญาด้วยหรือไม่ และหากว่าเข้าข่ายแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหากเข้าข่ายความผิดทางอาญา แต่ไม่มีการดำเนินการอะไรคงไม่ได้ เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้



