“เพื่อแม้ว” ส่อร้าวหนัก!! “เป็ดเหลิม” ร้องก้าบๆ ขู่ถอนตัวแม่ทัพใหญ่ศึกซักฟอก หากไม่ได้นั่งเป็นนายกฯเงา โดยขอรอดูท่าที “แม้ว” หากยังงึกงัก ยุติเป็นขุนพลแน่ ด้าน “ไข่แม้ว” หนุน “เป็ดเหลิม” บอกแคนดิเดทมีหลายคน ทั้ง “เจ๊มิ่ง-วิทยา” รวมถึง “อภิวันท์” รอง ปธ.สภาคนที่ 2 ด้วย
วันนี้ (16 ก.พ.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคยังไม่มีมติว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ การประชุมพรรคเพื่อไทยวันนี้เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ทั่วไปและหารือเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ลงลึกว่าใครควรได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องรอดูข้อมูลก่อน ส่วนกรณีที่นายปลอดประสพออกมาระบุว่าจะยื่นญัตติภายในเดือนกุมภาพันธ์นั้น นายปลอดประสพไม่ได้พูดในนามพรรค คนที่จะพูดในนามพรรคได้คือตนซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เรียกรับเงินจากรัฐมนตรีเพื่อให้หลุดจากการถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ไม่มีการพูดกันในเรื่องนี้ ใครที่จะถูกอภิปรายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกลั่นกรองฯจะพิจารณา
ด้าน นายปลอดประสพให้สัมภาษณ์ว่า พรรคยืนยันที่จะยื่นญัตติในเดือนกุมภาพันธ์ และตนก็พูดในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้ส.ส.พรรคก็ได้ลงชื่อพร้อมหมดแล้ว
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมพรรคเป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้วภายหลังเกิดปัญหาความไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรงในเรื่องการตัดสินใจยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงเวลาใด และจะใส่ชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรีในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แหล่งข่าวจาก ส.ส.กลุ่มที่สนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยว่า ร.ต.อ.เฉลิมรู้สึกว่าไม่ได้รับความชัดเจนจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตกนายกรัฐมนตรีว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ตามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีชื่อแคนดิเดทหลายคนที่ขับเคี่ยวกันอยู่ เช่น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า แม้การเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นจะมีโอกาสน้อยที่จะได้รับแต่งตั้งก็ตาม แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้ยังมีภาวะพลิกผันหลายเรื่อง ทั้งจากกระแสนอกสภาและปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง จึงยังไม่ปิดโอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาลอาจจะพลิกขั้วมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และที่สำคัญคือ หลังจากที่มีการยื่นญัตติไปแล้วนายกรัฐมนตรีไม่สามารถที่จะยุบสภาได้ ซึ่งจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องการดูท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณก่อน ซึ่งหากไม่มีความชัดเจนก็พร้อมที่จะยุติการทำหน้าที่ขุนพลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล