อดีตท่านผู้ทรงเกียรติทำงามหน้า “อริสมันต์-สุพร” 2 แกนนำ นปช.เบ่งใช้บัตร ส.ส.เก่า หลอกลวงเจ้าหน้าที่การบินไทย ออกตั๋วบินฟรีไฟลต์ขอนแก่น-กทม. เบี้ยวค่าโดยสารแค่หัวละ 3 พันกว่าบาท “ซาเล้ง” นั่งไม่ติด สั่งตั้ง คกก.สอบ จนท.โยนการเจ้าจำปีดำเนินคดีฐานฉ้อโกง ชี้มีโทษถึงจำคุก
วันนี้ (4 ก.พ.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดเรื่อง การบริหารงานในบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถามนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ว่า จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่ามีอดีต ส.ส.2 คน คือ นายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.กทม. ได้ใช้บัตร ส.ส.ที่หมดอายุ ใช้สิทธิขึ้นเครื่องบินการบินไทยจาก จ.ขอนแก่น มายังกรุงเทพฯ ซึ่งมีราคาค่าโดยสารคนละ 3,680 บาท ดังนั้นจึงอยากสอบถามว่ากระทรวงคมนาคมทราบเรื่องนี้หรือไม่
นายโสภณกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง โดยทั้ง 2 คนได้ใช้บัตร ส.ส.ไปเช็กอินที่สนามบินขอนแก่นจริง และได้กรอกแบบฟอร์มเสมือนเป็น ส.ส.ทั่วไป มีการนำตั๋วไปขึ้นเครื่อง แต่ทั้งนี้ระหว่างที่ทั้ง 2 คนเดินทางจะไปขึ้นเครื่อง ได้มีเจ้าหน้าที่ของสนามบินได้ยินทั้งสองคุยกันว่าช่วยไม่ได้ เจ้าหน้าที่การบินไทยอยากออกตั๋วให้เอง ทำให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวรีบกลับไปตรวจสอบว่าทำไมถึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะทั้ง 2 คน ไม่น่าจะมีสิทธิขึ้นเครื่องบินฟรีได้เหมือน ส.ส. อย่างไรก็ตาม ก่อนขึ้นเครื่องเจ้าหน้าที่สามารถเก็บเงินของนายอริสมันต์ก่อนได้ ส่วนนายสุพรนั้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเก็บเงินได้ทัน แต่ทางสนามบินขอนแก่น ได้ส่งเทเลกซ์ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ให้ดำเนินการเก็บค่าโดยสารกับนายสุพร ซึ่งก็สามารถเก็บค่าโดยสารได้
จากนั้น นพ.วรงค์ ถามต่อว่า กระทรวงคมนาคมจะมีการดำเนินคดีฐานฉ้อโกง และการหลอกลวงผู้อื่นว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ เพราะผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 145 และมาตรา 341 โดยมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ รวมทั้งจะประสานงานกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก
นายโสภณกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดตนก็ตกใจเช่นกัน เพราะในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และเจ้าหน้าที่ของสนามบินเองคงไม่คิดว่า อดีต ส.ส.จะมีการกระทำโดยใช้สิทธิ์ในลักษณะนี้ ซึ่งตนก็ได้ตักเตือนว่า อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ 1.จะตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การบินไทย 2.ในเรื่องของข้อกฎหมาย เป็นหน้าที่ของผู้เสียหาย คือ การบินไทย ที่จะต้องไปดำเนินการเอง เช่นเดียวกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถ้าเห็นว่าตนเป็นผู้เสียหาย ก็มีสิทธิฟ้องร้องได้ โดยกระทรวงคมนาคมคงไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายได้
“ทราบมาว่าโดยปกติแล้ว บัตรที่แสดงตนของ ส.ส.เมื่อ ส.ส.คนดังกล่าวได้พ้นจากหน้าที่ไปแล้ว สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่เรื่องเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องของหน่วยงานนั้น ที่จะต้องรู้ว่าใครเป็น ส.ส.และไม่ได้เป็น ส.ส. และสามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม คงเป็นเรื่องของสภาผู้แทนที่จะต้องไปหามาตราการป้องกัน ไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก” นายโสภณกล่าว