ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบ 222 ล้านจ่ายค่าเช่าบ้านพักตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ด้าน “จุรินทร์” ตั้งเด็กเรียงหิน นั่งที่ปรึกษา
วันนี้ (26 ม.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติงบประมาณประจำปี 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น จำนวน 222 ล้านบาทเศษ สำหรับเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พักเหมาจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจที่ ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติ หน้าที่บนความเสี่ยงสูง ได้รับความยากลำบากไม่ปลอดภัย ดังนั้น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงสนับสนุนสวัสดิการส่วนนี้ให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง 3 ราย ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสนอให้ นางนำพร วานิชชัง เป็นที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เป็น เลขานุการ รมว.สาธารณสุข นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ทั้งนี้มีผลตั้งแต่ที่มีมติ ครม.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นางนำพร อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในกลุ่มมัชฌิมา มีความใกล้ชิดกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่ม และถือเป็นกลุ่มเดียวกับนายมานิต นพอมรบดี อดีตรมช.สาธารณสุข ขณะที่นายบุณย์ธีร์ ก็โยกมาจากที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายจุรินทร์)
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังแถลงเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้เสนอ ร่าง พ.ร.บ.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ ครม.ได้อนุมัติหลักการเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2551 โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเสร็จแล้ว ซึ่งสาระสำคัญในการแก้ไขก็คือ การกำหนดนิยามองค์ประกอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนคุณสมบัติของคณะกรรมการ กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการสิทธิฯ หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีฐานะเป็นนิติบุคคล การตรวจสอบการละเมิดสิทธิ และปรับปรุงขั้นตอนการทำงานระหว่างคณะกรรมการและสำนักงาน ซึ่งเรื่องนี้มีการเสนอต่อ ครม.และได้เห็นชอบตามที่มีการเสนอ