xs
xsm
sm
md
lg

สองมาตรฐาน มาตรฐานสุรยุทธ์ – มาตรฐานทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นช.ทักษิณ ชินวัตร
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ลากเอา พลเอกสุรยุทธ์ มาเป็นเหยื่อสร้างสถานการณ์นั้น มีประโยชน์อยู่อย่างหนึ่ง คือ ทำให้เห็นว่าคนทั่วไปเมื่อถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายหลังจากมีการสอบสวนพยานหลักฐานตรวจสอบข้อกฎหมายดูแล้ว ผลออกมาอย่างไรเขาก็ยอมรับ ยอมปฏิบัติตามโดยดุษฎี ไม่ร้องแรกแหกกะเฌอว่า กูไม่ผิด กูถูกกลั่นแกล้ง กูเซ็นชื่อให้เมียไปซื้อที่ดินผิดตรงไหนอย่าง นช. ทักษิณ ชินวัตร นี่คือ สองมาตรฐานที่แตกต่างกันของ อดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน

เกือบสองสัปดาห์แล้ว สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่เลือก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นเป้าหมายในการโจมตีรอบใหม่ ที่หวังผลให้กระทบถึงสถาบัน ในกรณีครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยง

ผลปรากฏว่าวืด มีแต่ลม ไม่เกิดมรรคผลอะไร ได้เป็นข่าวหน้า 1 ทุกวัน แต่ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ในบั้นปลายก่อนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ดีขึ้นแต่แอย่างใด

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ลากเอา พลเอกสุรยุทธ์ มาเป็นเหยื่อสร้างสถานการณ์นั้น มีประโยชน์อยู่อย่างหนึ่ง คือ ทำให้เห็นว่า คนทั่วไป เมื่อถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมาย หลังจากมีการสอบสวนพยานหลักฐานตรวจสอบข้อกฎหมายดูแล้ว ผลออกมาอย่างไรเขาก็ยอมรับ ยอมปฏิบัติตามโดยดุษฎี ไม่ร้องแรกแหกกะเฌอว่า กูไม่ผิด กูถูกกลั่นแกล้ง กูเซ็นชื่อให้เมียไปซื้อที่ดินผิดตรงไหน อย่าง นช. ทักษิณ ชินวัตร

นี่คือ สองมาตรฐานที่แตกต่างกันของ อดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน

การครอบครองที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวนบนเขายายเที่ยงของ พลเอกสุรยุทธ์นั้น อัยการสูงสุดได้แถลงอย่างเป็นทางการแล้วว่า พลเอกสุรยุทธ์ ไม่มีเจตนาที่จะทำผิดกฎหมายบุกรุกป่าสงวน เป็นเพียงแต่การครอบครองที่ดินที่ตัวเองไม่มีสิทธิเท่านั้น ซึ่ง พลเอกสุรยุทธ์ ก็ได้แสดงเจตนาแล้วว่า ยินดีจะคืนที่ดินให้ หากกรมป่าไม้มีคำสั่งออกมา

หากพิจารณาจากเหตุผลของอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้อง พลเอกสุรยุทธ์ ที่ได้ลำดับข้อกฎหมายมติครม.ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประวัติการเปลี่ยนมือของที่ดินและเปรียบเทียบข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของ พลเอกสุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ ผู้ครอบครองก่อนหน้าภรรยา พลเอกสุรยุทธ์ กับข้อมูลของ นายนพดล พิทักษ์วานิช ผู้ขายที่ดินให้ พลเอกสุรฤทธิ์ ที่กลุ่มเสื้อแดงไม่กล้าเปิดตัวให้สื่อได้ซักถามต่อหน้า อัดมาแต่เสียง โดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใครแล้ว ก็น่าเชื่อว่า พลเอกสุรยุทธ์ ไม่มีเจตนาบุกรุกจริงๆ

เมื่อกรมป่าไม้ทำหนังสือถึง พลเอกสุรยุทธ์ ให้ออกจากพื้นที่ ภายใน 30 วัน เพราะไม่มีคุณสมบัติที่จะยึดครองที่ดินตรงนั้น พลเอกสุรยุทธ์ ก็ไม่อิดออด ไม่ร้องว่าถูกกลั่นแกล้ง ไม่เรียกร้องหาความเป็นธรรม เพราะรู้ดีว่าตัวเองผิดพร้อมจะย้ายออกไปภายในวันสองวัน

มาตรฐานการยอมรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองเช่นนี้ รู้ว่าทำผิดก็ยอมรับผิด ไมใช่มาตรฐานของ นช.ทักษิณ ถ้า นช.ทักษิณ ถูกพิพากษายึดทรัพย์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เขาจะยอมรับไหม ไม่มีทาง มีแต่จะร้องแรกแหกกะเฌอว่า กูไม่ผิด กูถูกแกล้ง เงินของกูเอาคืนมา

ขนาดคดีที่ดินรัชดา ซึ่งศาลฏีกาอ่านคำพิพากษาให้ฟังกันทั้งประเทศอย่างละเอียดแล้วว่า ผิดอย่างไร ผิดตรงไหน ข้อหาไหนที่ไม่ผิด ศาลก็ยกฟ้อง นช.ทักษิณ ยังบิดเบือนประเด็นเอาไปโยงกับเรื่องที่ดินเขายายเที่ยง เพื่อป้ายสีสังคมไทยว่ามีสองมาตรฐาน ทั้งๆที่เป็นคนละเรื่อง

คดีเขายายเที่ยง เป็นเรื่องการครอบครองที่ดินในป่าสงวนแห่งชาติ โดยที่ตัวเองไม่มีสิทธิและเรื่องยังอยู่ในชั้น การพิจารณาของหน่วยงานที่มีอำนาจเท่านั้น พลเอกสุรยุทธ์ ก็ยอมรับผิด คืนที่ให้โดยดี

คดีที่ดินรัชดา ไม่ใช่เรื่องผัวผิด เพราะเซ็นชื่ออนุญาตให้เมียไปประมูลที่ดินแข่งกับคนอื่น แต่เป็นเรื่องการฝ่าฝืนกฎหมาย ปปช. มาตรา 100 ที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำสัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่ตัวเองกำกับดูแลอยู่ และให้ถิอว่าการดำเนินการของคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย

กฎหมาย ปปช. ห้ามเมียนายกฯ ไปประมูลที่ของหลวงแข่งกับชาวบ้าน เพราะเป็นผลบประโยชน์ทับซ้อนและเป็นเรื่องไม่เป็นธรรมกับคนทั่วไป เพราะตัวเองอยู่ในฐานะที่มีอำนาจเหนือหน่วยงานที่นำที่ดินนั้นออกประมูลเป็นมาตรฐานทั่วไปที่คนที่เป็นนายกฯพึงละเว้น ดังตอนหนึ่ง ของ คำพิพากษาที่ว่า

“อีกทั้งขณะนั้นจำเลยที่ 1 เป็นนายกฯมีอำนาจบารมีเหนือรัฐมนตรีและมีอำนาจทางการเมืองสูง อีกทั้งฐานะการเงินมั่งคั่งตามหลักธรรมาภิบาลนายกรัฐมนตรี ภริยา หรือบุตร ไม่สมควรเข้าไปประมูลซื้อเพราะการซื้อได้ราคาต่ำก็เป็นผลทำให้กองทุนฯมีรายได้น้อยลง

ขณะที่จำเลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน)มีผู้รู้จักจำนวนมาก ประกอบกับข้าราชการมีค่านิยมจำนนต่อผู้มีบารมีสูง นอกจากนั้น ยังอาจให้คุณให้โทษทางราชการได้”

แต่นี่ไม่ใช่มาตรฐานของคนอย่าง นช.ทักษิณ ที่ไม่เคยรู้จักคำว่าพอ และไม่เคยสนใจว่าจะมีกฎหมายห้ามไว้หรือไม่ เพราะคิดว่าตัวเองคือความถูกต้อง เหนือกฎหมาย พอถูกศาลลงโทษในความผิดที่ได้ทำลงไปก็หนีไปร้องแรกแหกกะเฌออยู่กลางทะเลทรายว่า ถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ทั้งๆที่กฎหมาย ปปช. พ.ศ. 2542 และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่างก็เป็นผลผลิตของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ นช.ทักษิณ และกลุ่มเสื้อแดง เรียกร้องให้นำกลับมาใช้ เพราะเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ไม่ใช่หรือ

หากมาตรฐานของ นช.ทักษิณ เป็นได้แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของมาตรฐานของ พลเอกสุรยุทธ์ ชีวิตคงไม่มีวันนี้ มาตรฐานของ พลเอกสุรยุทธ นั้นเป็นผลให้ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทเป็นองคมนตรี ขณะที่มาตรฐานของ นช.ทักษิณ ทำให้เขาเป็นได้แค่ที่ปรึกษาของมหาอำมาตย์ใหญ่แห่งกัมพูชาเท่านั้น
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
กำลังโหลดความคิดเห็น