“อธิบดีกรมป่าไม้” แจงคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาฯ เผยรับข้อมูล “สุรยุทธ์” ครองเขายายเที่ยงแล้ว คาดฟันได้ในสัปดาห์นี้ ชี้ถ้าพบผิดต้องออกพ้นพื้นที่ใน 30 วัน พร้อมถอนทรัพย์สินไปให้หมด
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล ประธานคณะกรรมาธิการฯทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้มีการพิจารณาญัตติการใช้งบประมาณของกรมป่าไม้ กรณีโครงการจัดการทรัพยากรที่ดิน และป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงการยึดครองที่ดินเขายายเที่ยงที่ จ.นครราชสีมา ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พร้อมทั้งได้เชิญนายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้มาชี้แจงซึ่งกรรมาธิการจากพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม และนายโกวิทย์ ธราณา ส.ส.กทม. ต่างพยามยามสอบถามว่าเหตุใดกรมป่าไม้ถึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเขายายเที่ยงถึง 60 วัน ทั้งที่ทราบข้อมูลหมดแล้วว่าใครถือครอบสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร นอกจากนี้ ได้สอบถามถึงการดำเนินการของกรมป่าไม้ หากตรวจสอบพบว่าเป็นการถือครองสิทธิ์โดยไม่ชอบ
ด้าน อธิบดีกรมป่าไม้เปิดเผยว่า เหตุที่ต้องขอเวลา 60 วันในการดำเนินการเพื่อดูข้อมูลในพื้นที่เขายายเที่ยงและนโยบายในการจัดการกับกลุ่มผู้ถือครอง แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนเรื่องดังกล่าวมาให้วานนี้ (18 ม.ค.) ซึ่งตนได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทันทีเพื่อตรวจสำนวน คาดว่าไม่เกิน 7 วัน หรือภายในสัปดาห์นี้น่าจะสรุปเรื่องดังกล่าวได้ โดยหากตรวจสอบพบว่า เจ้าของที่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดินดังกล่าว ทางกรมป่าไม้จะดำเนินการจัดการตามมาตรการทางปกครองทันที
อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบว่าเป็นไม่มีสิทธิ์ในการครอบครอง ก็ต้องมีการระงับการดำเนินการใดทั้งสิ้น พร้อมทั้งต้องให้ผู้ครอบครองพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน รวมถึงต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกไปให้หมด ส่วนหากไม่ดำเนินการรื้อถอนก็จะมีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม คาดว่าวันถึงสองวันนี้จะมีมาตรการออกมา อย่างไรก็ตาม การดำเนินการกับกลุ่มที่เข้าครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนนั้น จะแบ่งการดำเนินการออกเป็นกลุ่มๆ ซึ่งหากพบว่าเป็นเอกชนเข้าครอบครองที่ดิน ทางกรมป่าไม้จะดำเนินการให้ออกจากที่ดินทันที แต่หากเป็นราษฎรอยู่มานานแล้วก็จะมีพิสูจน์สิทธิกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ขอให้อธิบดีกรมป่าไม้จัดทำรายชื่อของผู้ที่ครอบครองที่ดิน ในเขตป่า 307 ป่า ซึ่งตรวจสอบไปแล้ว 3 แสนกว่ารายชื่อ เสนอแก้คณะกรรมาธิการฯ เพื่อที่จะได้นำเปิดเผยต่อสาธารณชนต่อไป เนื่องจากสังคมยังมีข้อกังขาว่าอาจจะมีรายชื่อ นักการเมือง และผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นครอบครองที่ดินอยู่
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล ประธานคณะกรรมาธิการฯทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้มีการพิจารณาญัตติการใช้งบประมาณของกรมป่าไม้ กรณีโครงการจัดการทรัพยากรที่ดิน และป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงการยึดครองที่ดินเขายายเที่ยงที่ จ.นครราชสีมา ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พร้อมทั้งได้เชิญนายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้มาชี้แจงซึ่งกรรมาธิการจากพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม และนายโกวิทย์ ธราณา ส.ส.กทม. ต่างพยามยามสอบถามว่าเหตุใดกรมป่าไม้ถึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเขายายเที่ยงถึง 60 วัน ทั้งที่ทราบข้อมูลหมดแล้วว่าใครถือครอบสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร นอกจากนี้ ได้สอบถามถึงการดำเนินการของกรมป่าไม้ หากตรวจสอบพบว่าเป็นการถือครองสิทธิ์โดยไม่ชอบ
ด้าน อธิบดีกรมป่าไม้เปิดเผยว่า เหตุที่ต้องขอเวลา 60 วันในการดำเนินการเพื่อดูข้อมูลในพื้นที่เขายายเที่ยงและนโยบายในการจัดการกับกลุ่มผู้ถือครอง แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนเรื่องดังกล่าวมาให้วานนี้ (18 ม.ค.) ซึ่งตนได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทันทีเพื่อตรวจสำนวน คาดว่าไม่เกิน 7 วัน หรือภายในสัปดาห์นี้น่าจะสรุปเรื่องดังกล่าวได้ โดยหากตรวจสอบพบว่า เจ้าของที่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดินดังกล่าว ทางกรมป่าไม้จะดำเนินการจัดการตามมาตรการทางปกครองทันที
อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบว่าเป็นไม่มีสิทธิ์ในการครอบครอง ก็ต้องมีการระงับการดำเนินการใดทั้งสิ้น พร้อมทั้งต้องให้ผู้ครอบครองพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน รวมถึงต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกไปให้หมด ส่วนหากไม่ดำเนินการรื้อถอนก็จะมีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม คาดว่าวันถึงสองวันนี้จะมีมาตรการออกมา อย่างไรก็ตาม การดำเนินการกับกลุ่มที่เข้าครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนนั้น จะแบ่งการดำเนินการออกเป็นกลุ่มๆ ซึ่งหากพบว่าเป็นเอกชนเข้าครอบครองที่ดิน ทางกรมป่าไม้จะดำเนินการให้ออกจากที่ดินทันที แต่หากเป็นราษฎรอยู่มานานแล้วก็จะมีพิสูจน์สิทธิกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ขอให้อธิบดีกรมป่าไม้จัดทำรายชื่อของผู้ที่ครอบครองที่ดิน ในเขตป่า 307 ป่า ซึ่งตรวจสอบไปแล้ว 3 แสนกว่ารายชื่อ เสนอแก้คณะกรรมาธิการฯ เพื่อที่จะได้นำเปิดเผยต่อสาธารณชนต่อไป เนื่องจากสังคมยังมีข้อกังขาว่าอาจจะมีรายชื่อ นักการเมือง และผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นครอบครองที่ดินอยู่