“มาร์ค” ตีกลับแผนปฏิรูปรถไฟฉบับสภาพัฒน์ที่เร่งให้มีหน่วยงานบริหารแอร์พอร์ตลิงก์ และหน่วยธุรกิจมาดูแลเรื่องราง เรื่องเดินรถ และเรื่องทรัพย์สิน พร้อมสั่งใช้แผนปฏิรูปฉบับคมนาคม ลั่นปี 53 ได้ฤกษ์ปฏิวัติระบบรถไฟครั้งใหญ่
วันนี้ (29 ธ.ค.) แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า ครม.ได้ตีกลับแนวทางในการปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์เสนอ ใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งสูงว่างบประมาณที่กระทรวงคมนาคมเสนอใน ครม.เศรษฐกิจจำนวน 1 แสนล้านบาท ที่เสนอการลงทุนให้เกิดความปลอดภัยในเรื่องมาตรฐาน ได้แก่ 1.เรื่องราง หัวรถจักรเรื่องอาณัติสัญญาณ 2.จะมีการลงทุนในช่วงปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เพื่อให้รถไฟมีความเร็ว วิ่งบริการประชาชนได้จากปัจจุบันความเร็ว 50-60 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง ให้ขึ้นมาเป็น80-120 กม.ต่อชั่วโมง
3.จะมีการลงทุนในเส้นทางใหม่ โดยเฉพาะเส้นทางที่จะเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน คือจากบัวใหญ่ มุกดาหาร นครพนม ในส่วนเด่นชัย-เชียงรายก็พูดมานานแล้ว และ 4.การปรับหน่วยธุรกิจมาดูแลเรื่องราง เรื่องเดินรถ เรื่องทรัพย์สิน พร้อมๆกันไป รวมถึงให้มีหน่วยงานที่สามารถบริหารให้แอร์พอร์ตลิงค์เปิดได้โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ครม.เห็นว่า การยกระดับรถไฟจะเป็นไปตามมติครม.เศรษฐกิจคือ ปลอดภัยและรวดเร็ว ทั้งนี้ นายอภิสิทธ์ย้ำว่า แผนปฏิรูปการรถไฟขณะนี้จะต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างพนักงานรถไฟและผู้บริหาร ดังนั้น การปฏิรูปองค์กรก็ยังไม่ควรจะเร่งทำ ดังนั้นแนวคิดก็ควรจะกลับไปทำตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ กล่าวขึ้นว่า หากนายดรัฐมนตรี ประกาศให้ปี 2553 มีวาระที่จะเริ่มก่อสร้างโครงข่ายรถไฟรางคู่ เพราะเชื่อว่ารัฐบาลสามารถจัดหางบประมาณมาจัดสรัางได้ และหากประกาศก็จะเป็นผลดีกับประเทศและคะแนนเสียงของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังไม่เห็นด้วยที่จะเร่งประกาศ แม้รัฐบาลจะมีนโยบายนี้ เพราะขณะนี้ รัฐบาลจะมีการศึกษาเรื่องโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง อยู่แล้ว และในปี 2553 รัฐบาลก็จะประกาศให้มีการปฏิวัติระบบรถไฟไทย ให้ไม่น้อยกว่าการปฏิรูปรถไฟใน 50 ปีที่ผ่านมา
