ปลัดกระทรวงต่างประเทศแต่งตั้งรองปลัดฯ สอบเอกสารลับรั่วแล้ว ซัด“จตุพร”เล่นเกมการเมืองหวังขยายความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ยันคำว่า “ขจัด”ไม่ได้หมายถึงล่าสังหาร เพราะไม่ใช่หน้าที่ กต.เตรียมฟ้องร้อง “นช.แม้ว-ไอ้ตู่” ฐานนำความลับชาติไปเผยแพร่หรือตีแผ่เอกสารอันเป็นเท็จ
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่ากระทรวงการต่างประเทศ โดยนายธนกร นิยม ปลัดกระทรวงได้แต่งตั้ง รองปลัดกระทรวงท่านหนึ่งเป็นประธานกรรมการสอบสวนกรณีเอกสารลับกระทรวงการต่างประเทศที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นำมาเผยแพร่ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และใครในกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้นำไปให้พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญที่รัฐมนตรีทำรายงานถึงนายกรัฐมนตรีเท่านั้น และสำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร เพราะเป็นการนำเนื้อหากิจการภายในประเทศไปเปิดเผยให้นานาประเทศ ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว และถ้าเกิดความเสียหายก็ต้องชี้แจง
อย่างไรก็ตามยังยืนยันไม่ได้ว่า เอกสารลับที่พรรคเพื่อไทยนำมาเปิดเผยเป็นจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบ เพราะเป็นข่าวมาเป็นสัปดาห์ ยังไม่เห็นเอกสารตัวดังกล่าว เช่นเดียวกับที่ออกมาระบุว่า มีเทปลับบันทึกเสียงโทรศัพท์ระหว่างนายคำรบกับนายศิวรักษ์ ดังนั้นหากพิสูจน์ว่าเอกสารนี้ไม่ใช่ของจริง นายจตุพรต้องรับผิดชอบ ส่วนเอกสารจะมีการตัดต่อหรือไม่ ถ้าหากตัดต่อจริงก็คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเสียงยังตัดต่อมาแล้วเลย ทั้งนี้เนื้อหาในเอกสารก็เป็นเพียงการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่ใช่เป็นการตอบโต้ โดยเฉพาะการมีระดับดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่เบา กลาง จนไปถึงรุนแรงที่สุด โดยเฉพาะใช้กำลังทหารไม่มีแน่นอน
นายพนิช กล่าวยอมรับว่า กระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานอื่นๆ ย่อมมีบุคคลหลายกลุ่ม ซึ่งต่างมีพรรคมีพวก ย่อมอาจนำข้อมูลไปให้ฝ่ายตรงข้ามได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องระมัดระวัง อย่างไรก็ตามทางปลัดกระทรวงจะเป็นผู้ดำเนินการ และจะไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก และข้อความที่ระบุในเอกสารลับว่า “ขจัด”ไม่ได้มีความหมายอย่างที่พรรคเพื่อไทยที่ว่า จะไล่ล่าสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ใช่หน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะกระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ในการประสานระหว่างประเทศในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ดังนั้นจึงไม่ได้มีความหมายอย่างที่กล่าวอ้าง เป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา
“การออกมาเปิดเผยของนายจตุพรเป็นเกมการเมือง ต้องการสร้างสถานการณ์นำไปสู่ความขัดแย้ง ระหว่างไทยกับกัมพูชา ไม่อยากพูดว่ามีเกลือเป็นหนอนหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่หากเอกสารทำขึ้นมาก็ต้องฟ้องร้อง” นายพนิช กล่าว
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะมีเอกสารหลุดรอดออกจากกระทรวงการต่างประเทศอีก นายพนิช กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ หรือหน่วยงานอื่นๆ ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ เพราะแต่ละหน่วยงานก็มีพรรคมีพวกของตัวเอง ส่วนความสัมพันธ์กับกัมพูชาไทยยังยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือในโครงการต่างๆ อยู่เว้นแต่กัมพูชาจะไม่รับเท่านั้นเอง
