“มาร์ค” สั่งคมนาคมดูดอนเมืองโทลล์เวย์ ดอดขึ้นค่าผ่านทาง ชี้ส่อละเมิดสัญญาขึ้นราคาขณะคดีฟ้องร้องยังไม่จบ คาดกระทรวงเตรียมทำหนังสือท้วงตามมติ ครม.เร็วๆ นี้ เผย ส.ส.กำลังร่วมตรวจสอบผิด พ.ร.บ.ร่วมทุน ยันเร่งหาวิธีช่วยเหลือประชาชน
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวความคืบหน้าหลังจากที่นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม ไปดูสัญญากับบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ที่ปรับขึ้นราคาผ่านทางอาจทำผิดสัญญาว่า ขณะนี้มันมีประเด็นอยู่ที่ว่าเมื่อปี 2550 ซึ่งเป็นที่มาของการขึ้นค่าผ่านทาง มีการไปตกลงในข้อสัญญาทำนองว่าการขึ้นค่าผ่านทางในปีนี้ (2552) เป็นเรื่องซึ่งทางบริษัทฯ สามารถทำได้และเปลี่ยนเป็นแจ้งให้หน่วยงานทราบ ขณะเดียวกัน มีข้อตกลงว่าจะยุติเรื่องการฟ้องร้องหรือการมีข้อเรียกร้องต่างๆ แต่ข้อเท็จจริงขณะนี้คือว่ายังไม่มีข้อยุติ ฉะนั้น เป็นประเด็นขึ้นมาว่าฝ่ายบริษัทละเมิดสัญญาหรือไม่ ถ้าละเมิดสัญญาก็มีการดำเนินการต่อไปทางกฎหมาย ซึ่งอยู่ที่ทางฝ่ายกฎหมายจะพิจารณาแนวทางที่ดีที่สุดที่จะให้ฝ่ายรัฐและประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด
ขณะที่จะสามารถยุติการปรับขึ้นค่าผ่านทางได้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในชั้นนี้เป็นการปฏิบัติตามสัญญา แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดสัญญาเราก็จะดำเนินการต่อไป ซึ่งทางบริษัทฯ จะไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมแล้ว มีแต่ขณะนี้เรากำลังตรวจสอบว่าเขาละเมิดสัญญาหรือไม่ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุทางบริษัทอาจทำผิด พ.ร.บ.ร่วมทุนด้วยหรือไม่ ตนคาดว่าทางสภาผู้แทนราษฎรกำลังพิจารณาอยู่ และมันจะต้องย้อนกลับไปดูในช่วงประมาณปี 2550 ซึ่งวานนี้ (22 ธ.ค.) ตนได้คุยกับทาง ส.ส.ของพรรคแล้ว ก็บอกว่ากำลังตรวจสอบอยู่
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ทางรัฐบาลกำลังดูช่องทางทุกช่องทางที่จะรักษาประโยชน์ของประชาชนอยู่ แต่ต้องระมัดระวัง เพราะถ้าเราเป็นฝ่ายที่ผิดสัญญาเอง ก็จะมีปัญหาตามมา และบังเอิญว่าสัญญาก็ไปเขียนค่อนข้างผูกมัดและไม่ได้เป็นอำนาจของรัฐบาลด้วย ซึ่งตนเข้าใจว่าการเขียนสัญญาในตอนนั้นรัฐถูกกดดันจากปัญหาข้อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งทางบริษัทบอกว่าจะยอมยุติ แต่ขณะนี้ที่ทราบมันยังมีคดีมีการเรียกร้องอยู่ ฉะนั้นจะตรวจสอบให้ชัดเจน แต่เบื้องต้นคณะรัฐมนตรีเห็นว่าทางกระทรวงคมนาคมสามารถทำหนังสือทักท้วงได้ว่า การที่เขาขึ้นค่าผ่านทางโดยที่ยังมีปัญหากัน และไม่ยุติข้อเรียกร้องต่างๆ น่าจะเป็นเรื่องที่ขัดกับสัญญา ซึ่งคาดว่ากระทรวงคมนาคมจะทำหนังสือทักท้วงไปในเร็วๆ นี้