xs
xsm
sm
md
lg

ไข่แม้วสุมหัวซักฟอกแผนจัดฉาก “ศิวรักษ์” อ้าง “กษิต” ต้นตอสัมพันธ์เขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพดล ปัทมะ
“ไข่แม้ว” สุมหัวนักวิชาการเสื้อแดง ใช้เวทีธรรมศาสตร์ซักฟอกตัวเองกลบเกลื่อนแผนจัดฉาก “ศิวรักษ์” หลังถูกจับได้ว่าเป็นปาหี่ตอนหนึ่ง จน “แม้ว-จิ๋ว” กลายสภาพเป็นอีลวงในพริบตา แถมโยนผิดให้“กษิต”ต้นตอปัญหาความสัมพันธ์ไทย-เขมร กล่าวหาหากยังอยู่ในตำแหน่งยากจะฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ด้านนักวิชการจุฬาฯ ค้าน"เพื่อไทย"เปิดเอกสารลับ เอาการเมืองภายในเป็นประเด็นระหว่างประเทศ

วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการสัมมนาเรื่อง “ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา กรณี ศิวรักษ์ ชุติพงษ์” จัดโดยโครงการปริญญาโทสาขาการบริหารงานยุติธรรม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ผศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมวิเคราะห์ปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังจากเกิดกรณีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยถูกศาลกัมพูชาพิพากษาว่าจารกรรมข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา

ทั้งนี้ นายนพดลกล่าวว่า ตนอยากให้ความสัมพันธ์กลับมาดีเหมือนเดิม โดยอยากให้ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือในการพัฒนา ทั้งเรื่องการขนส่ง และเกษตรกรรม รวมทั้งควรแก้ไขปัญหาจะต้องคลี่คลายในหลายเรื่องก่อน เริ่มจากรัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาพิพาทชายแดนบนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยไม่นำกระแสชาตินิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทยและกัมพูชา ควรบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อนปราสาทเขาพระวิหารร่วมกัน

ส่วนกรณีตารางการบินถือนั้น เป็นข้อมูลลับเพราะมีอะไรมากกว่าตารางการบิน เนื่องจากมีการกำหนดเส้นทางการบินกลับ อย่างไรก็ตาม นายนพดลยังอ้างว่าในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับผ่านทางประเทศมาเลเซีย มีการส่งเครื่องบิน เอฟ-5 และ เอฟ-16 ตามประกบเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ทั้งนี้ เรื่องของนายศิวรักษ์ ศาลได้พิพากษาไปแล้วว่ามีความผิดจริงก็ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์

“ขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการจัดฉาก เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ที่ดีว่าหากทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ย่อมสามารถช่วยเหลือนายศิวรักษ์ได้ โดยการช่วยนายศิวรักษ์ เกิดจากการประสานของผู้ใหญ่ในประเทศไทยกับศาลกัมพูชา” นายนพดลกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายนพดลไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า หากนายศิวรักษ์(ปัจจุบันคือพระศิวรักษ์)ให้ข้อมูลที่มากกว่าตารางการบิน เหตุใดนายฮุนเซนจึงอภัยโทษแก่นายศิวรักษ์โดยง่าย และต้อนรับนายศิวรักษ์อย่างใหญ่โตในคฤหาสถ์ของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่ากรณีการส่งเครื่องบินรบตามประกบเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณขณะบินผ่านเข้ามาเลเซียนั้น จะมีความเป็นไปได้อย่างไร เพราะเท่ากับเครื่องบินรบของไทยรุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของมาเลเซีย

ด้าน ผศ.ดร.พวงทอง กล่าวว่า กรณีที่บอกว่านายศิวรักษ์เป็นส่วนหนึ่งของการจัดฉาก ถือเป็นคำพูดที่รุนแรงเกินจริง และเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก เรื่องการกล่าวหาควรแยกออกจากเรื่องที่นายศิวรักษ์ถูกใช้ให้ไปหาข้อมูล ซึ่งตนเห็นด้วยกับที่นายศิวรักษ์เชื่อว่าตัวเองเป็นเหยื่อ แม้ว่าวันนี้จะยังไม่มีความชัดเจนว่านายศิวรักษ์เป็นเหยื่อของใคร

ผศ.ดร.พวงทอง กล่าวด้วยว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศในอาเซียน กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหา เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำไม่มีทำให้การช่วยเหลือของรัฐบาลไทยทำได้อย่างล่าช้า สุดท้ายมารดาของนายศิวรักษ์ ต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทย ส่วนบทบาทของฝ่ายทหารถือว่าแสดงบทบาทที่ดี โดยมีการเชิญ พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา มาพูดคุย ทั้งหมดคงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเชื่อมโยงถึงนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านได้ และที่ผ่านมาบทบาทของนายกษิต เป็นบทบาทของการตอบโต้มากกว่าการสร้างความสัมพันธ์ โดยส่วนตัวเห็นว่าในระยะยาวหากรัฐบาลยังมีนายกษิต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อไป การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านจะยิ่งมีปัญหา และเป็นผลพวงที่รัฐบาลจะต้องรับต่อไป

ผศ.ดร.พวงทอง กล่าวต่อว่า กรณีของนายศิวรักษ์ ไม่สามารถแยกออกจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เนื่องจากเป็นผลมาจากการสร้างกระแสชาตินิยมจากการให้ข้อมูลผิดๆ เรื่องปราสาทพระวิหาร และเห็นว่าหากรัฐบาลกล้าประกาศยอมรับว่า การทวงสิทธิครอบครองปราสาทพระวิหาร เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้แล้ว โดยแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ เชื่อว่าไทยกับกัมพูชาจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้ รวมถึงอาจทำให้รัฐบาลกัมพูชายอมรับและไม่นำเอาประเด็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นประเด็นทางการเมือง อีกทั้งตนไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของพรรคเพื่อไทย ในการนำเอกสารลับมาเผยแพร่ เพราะเป็นการนำเอาการเมืองในประเทศออกไปเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ สุดท้ายกระแสอาจตีกลับมายังพรรคเพื่อไทยและกัมพูชาเอง

“ต้องไม่ลืมว่าปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ใช่เรื่องสีเหลือง สีแดง ข้อหาชักศึกเข้าบ้านยังใช้ได้อยู่เสมอ ที่สุดแล้วหากเกิดการขยายประเด็นออกไป สุดท้ายคนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นกลางไม่เอาทั้งสองสีอาจไปสนับสนุนรัฐบาลในที่สุด” เธอกล่าว และว่า สรุปคือคุณศิวรักษ์เป็นเหยื่อของความขัดแย้งของกลุ่มการเมืองที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งถูกโยงไปเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ เมื่อรวมกับกระแสชาตินิยมที่ถูกสร้างขึ้น ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างไทยและกัมพูชาจะยังไม่ยุติแค่นี้ ตราบใดที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ คือการยอมรับสิทธิในปราสาทเขาพระวิหาร การตอบโต้โดยการใช้อารมณ์ของรัฐบาลที่ผ่านมาจะทำให้เกิดความเสียหายกับรัฐบาล และหากรัฐบาลยังไม่ลดทิฐิ รวมถึงยังอุ้มนายกษิต ความสัมพันธ์นี้ก็จะยังแย่ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น