“ผ่าประเด็นร้อน”
ตอกย้ำกันให้เห็นชัดชัดอีกครั้งกับผลสำรวจของสวนดุสิตโพลที่มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ (29 พ.ย.) พบว่า ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่มีความสุขใจ โล่งใจหลังจาก “ทักษิณ ชินวัตร” สั่ง “ม็อบแดง” ล่าถอยกลับไปชั่วคราว โดยยกเลิกการชุมนุมใหญ่ออกไปไม่มีกำหนด จากเดิมที่กำหนดเอาไว้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ถึง 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา
และยังถือว่ารอดพ้นจากการรุมยำอย่างหวุดหวิดหรือ ถูกถ่มถุยจากชาวบ้านที่รำคาญ โทษฐานบังอาจมาขัดขวางความสุขของพวกเขาในช่วงที่กำลังจัดเตรียมถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาครบรอบ 82 พรรษา เป็นช่วงเทศกาลมหามงคล
จนบัดนี้ทั้งลูกพี่ลูกน้องยัง “ขวัญเสีย” ไม่หาย คิดไม่ถึงว่าจะมีเสียงต่อต้าน ก่นด่าจากมหาชนคนไทยได้มากมายถึงขนาดนี้ จนต้องกัดฟันสั่งล่าถอยออกมาจนแทบนาทีสุดท้าย ทั้งที่มีการเตรียมพร้อม หวังจะปิดเกมโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ภายในต้นเดือนธันวาคมนี้
แต่ทุกอย่างผลออกมาเป็นตรงกันข้าม ภาพลักษณ์ติดลบแบบดิ่งเหว ที่สำคัญภาพที่ยังติดตัวแก้ไม่ตกและทำลายภาพลักษณ์การเคลื่อนไหวของทั้งทักษิณ และเครือข่ายทั้งหมด ทั้งกลุ่มเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเกิดความสั่นสะเทือนต่อเนื่องกันไปอย่างรุนแรง และนอกจากแก้ไม่ตกแล้ว มิหนำซ้ำยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิมเสียอีก เพราะก่อนหน้านี้ยังดันทุรังที่จะชุมนุมในช่วงเทศกาลวันมหามงคล
ภาพความไม่จงรักภักดี ยิ่งนับวันจะแปะตรงหน้าผากของ ทักษิณ ชินวัตรไปจนตาย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้ฝ่ายทักษิณ เกิดความหวั่นไหว ต้องหาทางแก้เกมกันพัลวัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกมายืนยันถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างถี่ยิบ หลังจากที่ได้ให้สัมภาษณ์กับ “ไทมส์ ออนไลน์” จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวอย่างรุนแรง ทำให้ความจริงถูกเปิดเผย จึงถูกเกลียดชังจากคนไทย ไม่เว้นแม้แต่คนเสื้อแดงหลายคนที่เริ่มหูตาสว่าง
บังเอิญว่าในเมื่อวันที่ 28 พ.ย.มีการจัดงานบุญร่วมกันนั่งสมาธิ อ้างว่าเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระเจ้าอยู่หัว โดยเครือญาติของตัวเองที่นำโดย เยาวเรศ ชินวัตร ซึ่งก็ถูกมองว่านี่คือความพยายามสลัดภาพความไม่จงรักภักดี ที่ถูกกระหน่ำเข้ารอบทิศทาง
เป้าหมายเฉพาะหน้าก็คือ ต้องการให้ตัวเองยืนระยะให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากตัวอย่างโพลล์ข้างต้นที่บอกว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปไปจนถึงเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเดือนแห่งความสุขของคนไทย อารมณ์กำลังเคลิบเคลิ้มเตลิดไปไกล แต่หากว่ามี “กลุ่มเสื้อแดง” จะนัดหมายมาชุมนุมไล่รัฐบาลในกลางเดือนธันวาคม ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างสะดุดกึก โอกาสที่จะสวิงกลับมาอีกครั้ง
นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่ต้องพิจารณากันเป็นพิเศษและต้องย้ำเพื่อกันลืมก็คือ ไม่เช่นนั้นอาจจะหลงประเด็น เนื่องจาก “เวลา” เป็นเครื่องกำหนดชะตากรรมของทักษิณ นั่นก็คือคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านที่กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ คาดว่า ไม่เกินต้นปีหน้าจะตัดสินกันแล้ว
และนี่คือสาเหตุที่ในตอนแรกยังดึงดันจะชุมนุมในวันช่วงเทศกาลวันมหามงคล แต่บังเอิญว่าถูกรุมด่ารอบทิศ และแรงขึ้นทุกขณะจึงต้องสั่งถอยชั่วคราว ซึ่งในตอนแรกยังเชื่อว่าจะกลับมาระดมพลชุมนุมกันอีกครั้งในช่วงกลางเดือนธันวาคม แต่เมื่อพิจารณาจากผลโพลล์ล่าสุดที่บอกว่า คนไทยมีความสุขจากการที่ไม่มีม็อบมากวนใจ มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาต้องคิดหนัก
เพราะหากยังดึงดันหน้ามืดออกมาป่วนในช่วงเวลาแบบนี้ นอกจากจะทำให้ ทักษิณ และเครือข่ายต้องจบเกมเร็วขึ้น แต่ก็อย่างว่านั่นแหละในช่วงเวลาแบบนี้เป็นช่วงความสุขของคนไทย แต่สำหรับคนชื่อทักษิณอารมณ์ย่อมตรงกันข้าม มีแต่ร้อนรุ่ม เพราะเวลาไล่หลัง จะขยับตัวก็ไม่มีใครเอาด้วย
จะนิ่งๆ นั่งสมาธิที่ดูไบก็เห็นทีจะลำบาก เพราะฟองสบู่ที่นั่นกำลังแตก เศรษฐกิจกำลังเจ๊ง และยังไม่รู้ว่าเขาไปมีส่วนร่วมลงทุนอีกกี่มากน้อย เพราะหากพิจารณาแบบไม่มีข้อมูลก็ยังต้องเชื่อว่า “มีอยู่จำนวนไม่น้อย” ไม่เช่นนั้นผู้มีอำนาจที่นั่นคงจะไม่ยอมให้ใช้เป็นฐานก่อกวนประเทศไทยมานานหลายเดือนหรอก
ดังนั้น หากสรุปกันอีกทีก็ได้ว่า เดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของคนไทย แต่สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร น่าจะเป็นช่วงแห่งความทุกข์แน่นอน!!