ฟังชัดๆ เพชรวรรต+สุรชัย ปลุกคนภาคเหนือ ไล่ฆ่า นายกฯ หากมาเหยียบเชียงใหม่
“ผ่าประเด็นร้อน”
แม้จะอ้างว่าคำประกาศจะเอาชีวิตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในระหว่างการเดินทางมาร่วมประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ เป็นการพูดเล่นในเรื่องการปลุกระดมให้คนเสื้อแดงทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ และ 8 จังหวัดภาคเหนืออกมารวมตัวกัน
แต่ใครจะเชื่อว่าเป็นการพูดเล่น และเรื่องขู่อาฆาตมาดร้ายเอาชีวิตกันนั้น ก็ไม่มีใครทำกัน
ถ้าหากพิจารณาคำพูดและพฤติการณ์ของ เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่กล่าวผ่าน สถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่ คลื่น 92.5 เมื่อ 20 พ.ย. ถือว่าเข้าข่ายปลุกระดมยุยง และสนับสนุนการกระทำแบบอั้งยี่ ที่เคยมีการระบุลักษณะความผิดประเภทนี้เอาไว้ว่า
“คือผู้กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ความคิดเห็น โดยใช้กำลังประทุษร้ายและให้เกิดความปั่นป่วน ก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร โดยการประกาศเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายในราชอาณาจักร”
ซึ่งสิ่งที่เพชรวรรตกระทำการดังกล่าวร่วมกับ สุรชัย แซ่ด่าน แกนนำกลุ่ม “แดงสยาม” จึงควรที่ตำรวจต้องเอาผิดได้แล้ว ตามความเห็นของนักกฎหมายหลายคน ระบุว่าการปลุกระดมเชิญชวนให้ผู้คนใช้ความรุนแรงถึงขั้นทำร้ายคน ซึ่งแม้จะไม่ใช่นายกฯ ตำรวจก็ต้องจัดการ
และนี่คือการเปิดโปงให้เห็นแผนชั่วของแกนนำเสื้อแดง ที่ต้องการใช้กฎหมู่กลุ่มคนเสื้อแดงอยู่เหนือกฎหมาย และไม่ยอมรับอำนาจรัฐ
หากปล่อยให้เกิดเหตุเช่นนี้เรื่อยๆ อาจส่งผลให้เกิดการลอกเลียนแบบ คิดว่าเป็นเรื่องที่โก้เก๋ไม่ผิดกฎหมาย แต่แท้จริงแล้วคือการสร้างสิ่งที่ทำให้สังคมไร้กติกา กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย กลายเป็นสังคมไร้ระเบียบ
ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐต้องรีบจัดการเอาผิด หรือห้ามปราบอย่าให้เกิดเหตุซ้ำสองขึ้นอีก
เพราะก่อนหน้านี้หากจำกันได้ เพชรวรรตก็มีหลายคดีที่ถูกตำรวจเอาผิด เช่น การทำสถานีวิทยุที่กระทบเรื่องความมั่นคง จนตำรวจยกกำลังไปยึดเครื่องส่งถึงที่ตั้งอยู่ในโรงแรมของเพชรวรรตมาแล้ว
แต่สุดท้ายวิทยุชุมชนแห่งนี้ก็กลับมาเปิดเย้ยรัฐบาลได้ แบบไม่มีใครกล้าไปแตะต้องเพราะเห็นว่ามีนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่คอยหนุนหลังอยู่
หากเจ้าหน้าที่รัฐ ปล่อยให้เพชรวรรตกับพวกทำเหมือนกับกฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เชื่อได้ว่าจะยิ่งทำให้เสื้อแดงที่นิยมใช้ความรุนแรงยิ่งได้ใจ จนส่งผลเสียเกินจะแก้ไขได้
หากไม่รีบป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ
เพราะตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าเชียงใหม่ เมืองหลวงแห่งถิ่นไทยงาม ภาพลักษณ์ตกต่ำอย่างหนักจากฝีมือของแกนนำเสื้อแดงไม่กี่คนที่ทำให้จากจังหวัดท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศไทย กลายเป็นแดนอันตรายไปแล้ว
เพียงเพราะความคิดเห็นการเมืองที่ไม่ตรงกัน แล้วแกนนำถ่อยดิบเถื่อน ก็เอามาเป็นประเด็นทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีคนเสื้อแดงไปปิดล้อมสถานีวิทยุชุมชนพันธมิตรฯ ที่เชียงใหม่ และมีการระดมยิงเข้าใส่บ้านพักและสถานีวิทยุชุมชนพันธมิตรฯ จนมีคนเสียชีวิต ซึ่งจนป่านนี้ตำรวจเชียงใหม่ก็ไม่ยอมสอบสวนขยายผลเหมือนกับเกรงกลัวอิทธิพลการเมืองในพื้นที่
และยังมีกรณีนำเสื้อแดงไปปิดล้อมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในวันที่มีการจัดงานศิษย์เก่า รัฐศาสตร์ เชียงใหม่ เพราะต้องการประท้วงขับไล่ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ไปร่วมงาน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยที่เป็นสตรีไม่ยินยอม ก็มีคนเสื้อแดงไปตบหน้าผู้หญิง แทนที่จะเข้าไปตบหน้าเทพเทือก ที่เป็นต้นเหตุกลับไปทำกับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ แสดงความกักขฬะ สร้างความเสื่อมเสียให้กับคนเชียงใหม่ที่ส่วนใหญ่เป็นคนรักสงบไม่ชอบความรุนแรง ส่งผลให้การท่องเที่ยวของเชียงใหม่พังยับเยิน หลายโรงแรมกลายเป็นโรงแรมร้าง ปลดพนักงานกันเป็นจำนวนมาก เพราะไม่มีคนไปเที่ยว แต่เคราะห์ ดีที่ได้อานิสงส์ หมีน้อยแพนด้าหลินปิงมาช่วยกู้เสน่ห์ไว้
ไม่เช่นนั้น เชียงใหม่คงไม่มีใครกล้าไปเหยียบ
ดังนั้น แม้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หลังเห็นสังคมก่นประณามการจัดรายการวิทยุแบบปลุกระดมให้ไล่ล่าเอาชีวิตนายกรัฐมนตรีกันแบบเย้ยฟ้าท้าทายกฎหมายบ้านเมือง ก็พากันดาหน้าบอกว่าเป็นแค่สีสันการจัดรายการวิทยุ แต่เรื่องแบบนี้มาพูดเล่นกันไม่ได้ หากไม่ถูกจับได้กลางอากาศ เชื่อว่าจะไม่ใช่แค่ให้ไปยึดสนามบินเชียงใหม่ แต่อาจถึงขั้นปลุกระดมให้เผาบ้านเผาเมือง ก็เป็นได้
ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ ตำรวจเชียงใหม่ และฝ่ายปกครองจะเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องหยอกล้อกันเล่นเหมือนที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เอาสีข้างเข้าถูหรือไม่ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ควรนิ่งเฉย ต้องทั้งตรวจสอบและควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
จะสั่งปิดสถานีวิทยุแห่งนี้ก็น่าจะทำได้ เพราะขืนปล่อยไว้ บ้านเมืองกลียุคแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งกับแกนนำอย่างเพชรวรรตด้วย เพราะคำแก้ตัวของเพชรวรรตฟังไม่ขึ้น และยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า สมควรแล้วที่ชีวิต เพชรวรรตระยะหลัง แม้จะมีธุรกิจโรงแรมในเชียงใหม่ มีเครือข่ายการเมืองธุรกิจกว้างขวางในหลายจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะสายสัมพันธ์อันดีกับแกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น เยาวภา วงศ์สวัสดิ์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์-อนุสรณ์ วงศ์วรรณ แต่หลังจากจัดตั้งกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ก็พบว่าชีวิตของเพชรวรรต มีแต่ความเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ จนต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างศาลแรงงานภาค 5 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการตามความหมายของประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ที่ต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยอันดีงาม ตามระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ แต่เพชรวรรต กลับตั้งตัวอยู่เหนือกฎหมาย
จัดตั้งกลุ่มเสื้อแดง คอยก่อกวนสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองไม่เฉพาะแค่ในเชียงใหม่-ภาคเหนือ แต่ไปจับมือกับแกนนำ นปช.ขนทัพแดงเข้ามาทำความเสียหายให้ส่วนรวมถึงกรุงเทพฯหลายต่อหลายครั้ง ตามแต่คำสั่งและเงินค่าจ้างที่ได้รับจาก
นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่เสื้อแดงเมืองเหนือ คิดกันไปเองว่า คือเจ้ามูลเมือง
อันเป็นพฤติกรรมเห็นผิดเป็นชอบทำให้แผ่นดินล้านนาที่เคยสงบร่มเย็น ผู้คนโอภาปราศรัยด้วยจิตใจและมิตรไมตรี กลายเป็น ล้านนาแห่งความแตกแยก แผ่นดินร้อนเป็นไฟ
ถึงวันนี้คงสายเกินไปเสียแล้วสำหรับเพชรวรรต และพรรคพวกที่จะกลับตัวกลับใจ
ถึงปานนี้แล้ว พี่น้องชาวเชียงใหม่ ที่ต้องรวมพลังกันอย่าให้คนไม่กี่คนในนามเสื้อแดง มาทำให้ เชียงใหม่ล้านนา ที่มีประวัติศาสตร์เกือบพันปีต้องมาเสียหาย เพราะความคิดชั่วๆ ของคนไม่กี่คน แล้วอ้างว่าเป็นความเห็นคนเชียงใหม่-ภาคเหนือทั้งหมด
คนเชียงใหม่จะต้องออกมาแสดงพลัง ทำให้การประชุมหอการค้าทั่วประเทศ และการเดินทางมาเชียงใหม่ของนายกฯอภิสิทธิ์ ในสุดสัปดาห์นี้ผ่านพ้นไปอย่างสงบเรียบร้อย ห้ามมีเหตุรุนแรง
เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้น ทั้งการท่องเที่ยว-ภาพลักษณ์จังหวัด-การลงทุน-สภาวะเศรษฐกิจ ของเชียงใหม่ ดิ่งลงเหวยากต่อการกอบกู้แน่นอน และกรรมอันนี้ก็ต้องตกอยู่กับคนเชียงใหม่นั่นเอง