xs
xsm
sm
md
lg

แผนโจรกระจอก เขียนบทให้ “แม้ว” เป็นพระเอก !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ผ่าประเด็นร้อน"

ในที่สุดหลายฝ่ายเริ่มตั้งข้อสังเกตตรงกันมากขึ้นแล้วว่า การจับกุม ศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรบริษัทการบินของประเทศกัมพูชา ที่มีบริษัทที่คนไทยเป็นเจ้าของนั้นน่าจะเป็นแผนการสมคบคิดกันระหว่าง “โจรมีชื่อ” เพื่อจับคนไทยเป็นตัวประกัน หวังต่อรองผลประโยชน์เหมือนกับการเรียกค่าไถ่ไม่มีผิด

แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือในแผนการดังกล่าวยังกำหนดให้ “พระเอกบางคน” ขี่ม้าขาวเข้าไปช่วยตัวประกันเพื่อหวังเป็นฮีโร่ในสายตาชาวบ้านเสียอีก หวังกินสองต่อ

ความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นบังเอิญว่าไปสอดคล้องท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร ที่จับมือแนบแน่นกับ ฮุนเซน อย่างพอดิบพอดี

ก่อนหน้านี้หลังการจับกุม ศิวรักษ์ ไม่นาน และมีการกล่าวหาด้วยวาจาจาก ผู้นำกัมพูชาว่าขโมยตารางการบินของ ทักษิณ ชินวัตร ถือว่าเป็นการทำลายความมั่นคงของกัมพูชา เป็นการจารกรรมข้อมูลที่เป็นความลับของชาติ ซึ่งเชื่อว่าในวงการทูตย่อมมองออกว่ากรณีที่เกิดขึ้นย่อมผิดปกติและไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องจารกรรม

เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่ประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตก็คือเป็นเกมที่มีการกำหนดเอาไว้ล่วงหน้า โดยที่วิศวกรคนไทยดังกล่าวตกเป็น “เหยื่อ”โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เท่านั้น

หากย้อนกลับไปพิจารณาในเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นเพื่อลำดับเหตุการณ์เพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆ ก็คือ เกิดขึ้นก่อนที่ ทักษิณ เดินทางไปถึงกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 พ.ย.เพื่อไปรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของ ฮุนเซน และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา จากนั้นก็เดินทางออกมาในเช้าวันที่ 14 พ.ย. พร้อมกับภาพ “คนขายชาติ” ติดตัวออกไปด้วย

มีแต่ภาพเป็นลบได้ไม่คุ้มเสีย !!

แต่คล้อยหลังไปเพียงไม่กี่นาทีก็มีการจับกุมวิศวกรไทยเกิดขึ้นในข้อหาจารกรรม หาว่าไปสืบค้นตารางการบินของ ทักษิณ ทั้งที่ตัวเองก็ทำงานประจำหอวิทยุการบิน มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับจราจรทางอากาศของประเทศนั้นเป็นปกติอยู่แล้ว

น่าสังเกตก็คือในช่วงที่มีการจับกุมใหม่ๆ กัมพูชายังไม่มีการแจ้งข้อหาอย่างเป็นทางการ และยังไม่ทราบชะตากรรมว่านำตัวไปควบคุมตัวที่ไหน ขณะที่การเข้าเยี่ยมเพื่อให้ความช่วยเหลือทางคดีในทางมนุษยธรรมก็ไม่สามารถทำได้ จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับครอบครัวและคนไทยทั่วไปที่รับทราบข่าว เนื่องจากเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างเรียกเอกอัครราชทูตกลับประเทศ มีการลดระดับความสัมพันธ์ลงมา

เมื่อมีการจับกุมทุกคนจึงเป็นห่วงว่าจะหาช่องทางในการช่วยเหลืออย่างไร

แต่ในช่วงที่กำลังสิ้นหวังอยู่นั้น บังเอิญว่า จู่ๆก็มีข่าวจาก ทักษิณ เข้ามาพอดีว่าได้มีการต่อสายคุยกับ ฮุนเซน แล้ว และทางการกัมพูชายินดีที่จะปล่อยตัววิศวกรไทยออกมา ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยซึ่งเคยประสานเข้าออกกัมพูชาอยู่เป็นประจำจะเป็นคนบินไปรับตัวกลับมาประเทศไทย เพื่อพบหน้ากับครอบครัวในอีกไม่ชั่วโมงข้างหน้า

เจอลูกนี้เข้าไปหลายคนถึงกับอึ้ง คิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องได้ตัวคนไทยที่ถูกจับกุมให้ได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อน เรื่องอื่น เช่นอารมณ์โกรธเรื่อง ทักษิณ ขายชาติ ทรยศชาติ ไปสมคบกับกัมพูชาให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทยก็ค่อยมาว่ากันภายหลัง

หากออกมาในรูปนี้แบบฉับพลัน ทักษิณ ก็เป็น “ฮีโร่” แย่งซีน รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกระทรวงการต่างประเทศเสียสนิท

อย่างไรก็ดี ไม่รู้ว่าเกิดผิดคิวอะไรกันขึ้น หรือว่า ทางการไทยรู้ทันไม่ยอมเล่นตามเกม ไม่ยอมถลำลึกลงไปติดบ่วงที่ฝ่ายโจรวางกับดักเอาไว้ เดินเกมนิ่ง ใช้วิธีการทางการทูตเจรจาอย่างใจเย็น บีบคั้นในเรื่องสิทธิมนุษยชนที่จะต้องมีสิทธิ์เข้าเยี่ยมผู้ต้องหา และต้องมีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ หรือว่าเป็นเพราะ ฮุนเซนต้องการเปลี่ยนมาเล่นเกมใหม่ในเบื้องต้นยังไม่อาจสรุปฟันธงลงไปได้

ในที่สุดก็ต้องยอมให้อุปทูตไทยเข้าไปเยี่ยม ศิวรักษ์ ได้ถึงในเรือนจำ พร้อมทั้งยังต่อสายโทรศัพท์ให้พูดคุยกับมารดาของเขาเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบ เพื่อให้คลายความกังวลลงไปมาก

หลังจากนั้นเกมก็เริ่มพลิกมากขึ้นเรื่อยๆ หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ภายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ไม่ปรากฎว่า ฮุนเซน ออกมาพูด หรือแสดงท่าทีแข็งกร้าวกับรัฐบาลไทยแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดของ นายกฯอภสิทธิ์ ที่ระบุว่าขณะนี้ความสัมพันธ์เริ่มมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเรื่อย

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำมารดาของศิวรักษ์ คือ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม ไปเยี่ยมลูกชายได้ถึงในเรือนจำได้ภายในไม่ช้านี้

และที่ลืมไปไม่ได้อีกคนหนึ่งก็คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ก่อนหน้านี้ถูกวางตัวจาก ทักษิณ ให้บินไปรับตัววิศวกรกลับไทยหลังจากได้รับการปล่อยตัว แต่ล่าสุด พล.อ.ชวลิต ก็ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎอย่างกระทันหัน

ทุกอย่างดูเหมือนว่ากำลังพลิกกลับตาลปัตร บทที่เคยเขียนเอาไว้ว่าจะให้ ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นพระเอกในตอนจบเหมือนกับละครน้ำเน่าของไทยก็ไม่เหมือนเดิม ทำท่าจะกลายเป็นผู้ร้ายหนักข้อขึ้นไปอีก เพราะเหมือนกับว่าสังคมได้เริ่มรับรู้แล้วว่าเขาเป็นคนเล่นเกมนี้ราวกับว่าเขาสมคบกับหัวหน้าโจรต่างชาติคนหนึ่งจับคนในบ้านเป็นตัวประกันเพื่อหวังผลต่อรองหาประโยชน์ใส่ตัวเท่านั้น

เมื่อเกมเริ่มพลิกทุกอย่างก็เริ่มเข้าเนื้อ จากที่คิดว่าจะเป็นพระเอก แต่ในที่สุดกลายเป็นว่ายิ่งเป็นผู้ร้ายหนักข้อกว่าเดิม !!

กำลังโหลดความคิดเห็น