โฆษก ทบ.ยันชายแดนไทย-เขมร ปชช.ทั้งสองประเทศยังทำมาค้าขายปกติ ไร้ปัญหารุนแรง ขณะที่ ม.ภูมิซรอล ที่เคยจัดม็อบถ่อยตีมวลชนผู้รักชาติ เตรียมจัดกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างทหารและชาวบ้านไทย-เขมร ด้าน การส่งหนังสือติดตามตัว “นช.แม้ว” ไม่ใช่หน้าที่กองทัพ ฝ่าย “บัวแก้ว” ต้องจัดการเอง ส่วนการที่รัฐลดระดับสัมพันธ์เขมร ไม่เกี่ยวกองทัพ ย้ำ นโยบายแนวชายแดนยังเหมือนเดิม คือ เน้นไม่ใช้กำลังทหาร
วันนี้ (10 พ.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังประเทศกัมพูชา ว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังเป็นไปตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร และประชาชนทั้งสองประเทศยังคงมีการค้าขาย เดินทางไปมาหาสู่กันอย่างปกติ ทั้งนี้ ในที่ 12 พ.ย.นี้ ที่หมู่บ้านภูมิซรอลจะมีการแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา รวมถึงชาวบ้านทั้งสองประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มีกิจกรรมการเชื่อมสัมพันธ์มาโดยตลอดอยู่แล้ว แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนยังเป็นไปตามปกติ คือ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนเองด้วยการรักษาอธิปไตยของตนเอง
“ขณะนี้ไม่มีสถานการณ์ใดพิเศษ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้มีสั่งการอะไร เพราะเมื่อไม่มีคำสั่งการใดๆพิเศษจากรัฐบาลเพิ่ม จึงไม่มีความจำเป็นใดๆจะทำให้สถานการณ์เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติม ซึ่งทางกองทัพจะปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบ ขั้นตอนเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ส่วนสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นเรื่องการเมืองที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดำเนินการ ส่วนการทำหนังสือ ขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องดำเนินการ ทางกองทัพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้” โฆษกกองทัพบกกล่าว
วันเดียวกัน หลังประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้เดินทางไปฟังบรรยายสรุปที่ กองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว โดย พล.อ.ประวิตร ให้โอวาทกับกำลังพลว่า การลดระดับความสัมพันธ์ของรัฐบาลเป็นเรื่องการทูต แต่กองทัพไม่ต้องการให้กระทบเรื่องอื่นๆ ซึ่งนโยบายความสัมพันธ์ตามชายแดนยังเหมือนเดิม คือ ทหารจะไม่ใช้กำลัง