“ประพันธ์” ขอแจมด้วยมีเอี่ยวในคดีราเกซ ที่อัยการประสานกลับมารับโทษในประเทศ ยอมรับกฎหมายยังไม่เปิดช่องให้มีการต่อรองข้อหา เพื่อกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานได้ ซึ่งหากมีก็จะเป็นประโยชน์มากกว่านี้ เปรยอาจลงมติวินิจฉัยคดี 258 ล้าน ปชป.ได้ในสัปดาห์หน้า
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ในฐานะอดีตรองอัยการสูงสุด กล่าวถึงคดีนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ (บีบีซี) ว่า ตนเองก็เคยเป็นหนึ่งในคณะทำงานกรณีดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นนายราเกซได้ต่อสู้โดยอ้างว่าหากกลับมาจะไม่ปลอดภัย และเรือนจำไทยของไทยอาจไม่ได้มาตรฐาน แต่ทางการไทยก็ยืนยันมาตรฐานราชทัณฑ์และรับรองความปลอดภัย เขาจึงส่งตัวกลับมา และถือเป็นภาระหน้าที่ที่เราต้องทำตามการรับรอง ซึ่งเขาก็อาจจะส่งคนมาตรวจเยี่ยมได้
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่ง รองอัยการสูงสุดนั้น ได้มีการประสานไปยังรัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์เพื่อขอให้อายัดเงินจำนวน 1,500 ล้านบาทไว้ ซึ่งรัฐบาลสวิสฯก็ให้ความร่วมมือ และอัยการยังได้แนะนำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ฟ้องแพ่งจนท้ายที่สุดจึงชนะคดีและได้เงินคืนมา อย่างไรก็ตามยังมีเงินอยู่ในอีกหลายแห่งเช่นประเทศอังกฤษที่ยังเหลือกว่าร้อยล้าน ซึ่งคงต้องรอให้คดีอาญาสิ้นสุดก่อนจึงจะดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้มีนักการเมืองเกี่ยวข้องด้วยเยอะหรือไม่ นายประพันธ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวน อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่าเราไม่ได้มีกฎหมายเหมือนกับสหรัฐอเมริกาที่สามารถต่อรองข้อหา เพื่อกันไว้เป็นพยานได้ หากมีก็จะเป็นประโยชน์มากกว่านี้
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการพิจารณาคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนทราบว่าคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ยื่นผลสรุปการสอบสวนให้แก่ประธาน กกต. แล้ว และจะมีการแจกสำนวนให้กับ กกต.ในการประชุมครั้งต่อไปและทุกคนต้องนำสำนวนกลับไปอ่านและศึกษาก่อนว่าจะสามารถพิจารณาได้เลยหรือไม่ ทั้งนี้ เท่าที่ทราบคณะกรรมการไต่สวนฯไม่ได้ขอขยายเวลาในการสอบสวนเพิ่มเติม ทั้งนี้ หาก กกต.เห็นว่าสำนวนสอบสวนยังไม่สมบูรณ์หรือต้องสอบประเด็นใดเพิ่มเติมก็สามารถให้ไปสอบเพิ่มได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.จะดึงเรื่องหรือไม่ เพราะตอนนี้เสถียรภาพรัฐบาลถือว่าอยู่ในสภาวะง่อนแง่น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.คงไม่ยื้อหรือดึงเรื่อง เราต้องดูตามข้อเท็จจริง หลักการทำงานของ กกต.ยึดถือความสมบูรณ์ของข้อเท็จจริง จะเอาตามกระแสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ หากลงมติได้ก็ลงเลย การจะวินิจฉัยอย่างไรก็ต้องมีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจเพราะฉะนั้น กกต. จะต้องทำอย่างรอบคอบ เมื่อถามว่า หากประธาน กกต.ส่งให้กับ กกต.ในสัปดาห์นี้ หากไม่มีอะไรต้องสอบต่อสัปดาห์หน้าสามารถลงได้เลยใช่หรือไม่ นายประพันธ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ใช่”