“เทพไท” อนาถใจ “นช.แม้ว” ยกหางเทียบ “อองซาน” ท้าติดคุกสู้คดีก่อน

“โฆษกมาร์ค” ยืนยันนายกฯ ใช้มายารทูตชี้แจง “ฮุนเซน” เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีชาติ สงสัย “นพดล” ลิ่วล้อแม้วเป็นลูกหลาน “พระยาละแวก” จึงร้อนตัวแทน เย้ย “แม้ว” ชู แกนนำเขมรดุจเทพเจ้า หวังเดิน 3 ยุทธวิธีโลกล้อมไทย อนาถยกหางเทียบหญิงเหล็ก “อองซาน” ย้อนถามกล้ายืดอกสู้คดีไม่หนีซุกหัวต่างแดนได้หรือไม่

วันนี้ (26 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาวิจารณ์การทำหน้าที่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า นายกฯ ตอบโต้สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาและทำให้เขาเสียหน้าแสดงว่า ไม่มีวุฒิภาวะพอนั้น ตนขอชี้แจงว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่มีวุฒิภาวะพอตามที่ถูกกล่าวหา ก็จะตอบโต้สมเด็จฮุนเซนรุนแรงกว่านี้ แต่นายอภิสิทธิ์ใช้มารยาททางการทูตและความเป็นเจ้าภาพที่ดี ชี้แจงข้อเท็จจริงตามสมควร โดยยึดถือประเพณีไทยแท้ แต่โบราณ แขกมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ

“นายกฯ ไม่บังอาจที่จะไปสั่งสอนใครได้ เพียงแต่ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศไทย ส่วนสมเด็จฯ ฮุนเซนจะมีพฤติกรรมอย่างไร สังคมโลกและนานาชาติต่างมีวิจารณญาณที่จะสามารถวินิจฉัยได้ มีเพียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อเท่านั้นที่ออกมาปกป้องสมเด็จฯ ฮุนเซนสุดชีวิต แทนที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของชาติไทย เพราะเขาไม่ควรพูดเปิดเรื่องนี้ก่อน จึงไม่ทราบว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นลูกหลานของพระยาละแวกมาแต่ชาติปางไหน”

สำหรับท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ออกมาเชิดชูสมเด็จฯ ฮุนเซนเหมือนเทพเจ้าประจำตัวนั้น เข้าใจว่าเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังเดินแผนยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย โดยใช้ 3 ยุทธวิธี คือ 1.การให้นานาชาติปิดล้อม ต่อต้านประเทศไทย 2.การต่อรองกับสถาบันฯ 3 โค่นล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนการที่พยายามยก พ.ต.ท.ทักษิณมาเปรียบกับนางออง ซาน ซูจี ว่าตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันนั้น ขอชี้แจงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะยกตัวเองไปเทียบเคียงกับนางอองซาน เพราะคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคดีอาญา ขึ้นศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับการทุจริตในหน้าที่มีความผิดทางอาญา

“และที่เทียบกันไม่ได้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก กลับหนีคดีหัวซุกหัวซุน แต่นางอองซานเป็นลูกผู้หญิงแท้ๆ ยังยืดอกรับการต่อสู้ทางคดี โดยไม่เคยคิดหนีออกนอกประเทศ ทั้งที่ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง จึงเป็นเรื่องที่น่าละอายยิ่งที่ลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามยกหางเจ้านายตัวเองมาเทียบชั้นกับวีรสตรีอย่างนางอองซาน”