“เครือข่ายต้านเหล้า” บุก “สรรพสามิต” จี้ คุมเข้ม “เหล้าปั่น” รอบมหาลัย หลังผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ยั่วยุเยาวชนให้ติดอบายมุข เผย สถิติโจ๋ซดเหล้าพุ่งกระฉูด บางคนบอกหน้าตาเฉย “เมาทั้งเดือน” ไม่มีวันหยุด
วันนี้ (14 ต.ค.) ที่กรมสรรพสามิต เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่กว่า 40 นำโดย นายคำรณ ชูเดชา เข้ายื่นหนังสือต่อ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาเหล้าปั่นและร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษา 4 ข้อประกอบด้วย 1.ขอให้หยุดออกใบอนุญาตใหม่และไม่ต่อใบอนุญาตให้ ร้านเหล้าปั่นและร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษา รวมถึงร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหอพักนักศึกษา ตลอดจนในสถานที่ซึ่งผิดกฎหมาย ตามมาตรา 27 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551
2.ขอให้มีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการคลัง พ.ศ.2548 ว่าด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตสุราและการขายสุรา เป็นการด่วน เพื่อกำหนดเขตโซนนิง ควบคุมมิให้มีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษา 3.ขอสนับสนุนนโยบายขึ้นราคาใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการทำให้กระบวนการออกใบอนุญาตดังกล่าวทำได้ยากขึ้น และ 4.ขอให้กำลังใจความพยายามของกรมสรรพสามิต และกระทรวงการคลัง ในการออกมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อจำกัดการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน
นายคำรณ กล่าวอีกว่า ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเด็กเยาวชนไทย กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น เห็นได้จากสถิติการดื่มเหล้าของเยาวชนที่มีอายุ 15-24 ปี ที่พบว่าเพิ่มมากขึ้น ถึง 21.9 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา โดยช่วงที่มากที่สุด คือ ม.5 และ ปวช.2 และข้อมูลที่น่าตกใจ คือ เยาวชนผู้ชายจำนวน 40.4 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่า ดื่มเหล้าจนเมาทุก 30 วัน จากการสุ่มสำรวจพื้นที่รอบมหาวิทยาลัย 10 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร ของทางเครือข่าย พบร้านเหล้าขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สูงถึงร้อยละ 83.3 ขณะที่ศูนย์วิจัยปัญหาสุราได้สำรวจพบร้านขายเหล้าเฉลี่ย 57 ร้านต่อตร.กม. ในจำนวนนั้นมีร้านเหล้าปั่น 5-6 ร้าน และยังพบว่า 1 ใน 4 ของหอพักนักศึกษา มีการขายเหล้าอยู่ในนั้นด้วย
“ปัญหาเหล้าปั่น ร้านเหล้าบริเวณหอพัก และรอบสถานศึกษา เป็นสิ่งที่ทำลายเยาวชนของชาติมานาน กรมสรรพสามิต ถือเป็นต้นทางของเรื่อง เพราะเป็นหน่วยงานที่ออกใบอนุญาตขายเหล้า จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนก่อนจะออกใบอนุญาต ไม่ใช่ปั๊มใบอนุญาตจำนวนมากโดยไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนเหมือนที่เคยเกิดขึ้น หวังว่า อธิบดีคนใหม่จะมีวิสัยทัศน์ กล้าที่จะสังคายนากรมสรรสามิตครั้งใหญ่เสียที” นายคำรณ กล่าว