“สาทิตย์” ติดใจยันเดินหน้าโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” ไม่หวั่นกลิ่นทุจริต วางโปรแกรมพานายกทัวร์เหนือหลังประชุมสุดยอดอาเซียน เหน็บ “เพื่อไทย” อย่าปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาขัดขวางการลงพื้นที่ เพราะไม่อยากทำให้งบประมาณให้สูญเปล่า
วันนี้ (12 ต.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปภาคอีสานของนายกฯ ที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งหลังจากจบงานประชุมสุดยอดอาเซียนแล้วก็จะมาวางแผนการลงพื้นที่ของนายกฯ กันต่อ ซึ่งชาวบ้านเองได้มีโอกาสสะท้อนปัญหา และนายกฯ เองก็จะได้ลงไปตามดูโครงการไทยเข้มแข็งด้วย ซึ่งตอนนี้ต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับการป้องกันการทุจริตจากโครงการนี้ อาจถือเป็นวาระหลัก ดังนั้นการลงพื้นที่ก็จะช่วยได้เยอะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ใช้งบประมาณค่อนข้างมากสำหรับการรักษาความปลอดภัยนายกฯ นายสาทิตย์กล่าวว่า ถ้าฝ่ายค้านไม่จับมือกับคนเสื้อแดงมาขัดขวางเยอะ ก็คงไม่ต้องเอาทหารมาเยอะ ดังนั้น การลงพื้นที่ของนายกฯ คงต้องดำเนินต่อไป และหากมีการขัดขวางจากเสื้อแดงก็ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยง และหากพรรคเพื่อไทยไม่อยากให้รัฐบาลใช้งบประมาณเยอะก็ไม่ต้องสะกิดกันออกมา อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะลงพื้นที่ในภาคเหนือบ้างโดยจะเน้นในเรื่องของการพูดคุยกับผู้นำชาวบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะการประกันรายได้ของชาวบ้านเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานจะทำให้การตอบรับพรรคประชาธิปัตย์มีมากขึ้นหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า เราไม่ได้คิดเรื่องพรรคการเมือง คิดในแง่ของรัฐบาลมากกว่า เพราะการที่นายกฯ ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านเองน่าจะเป็นผลดี และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงการไทยเข้มแข็งเฟสแรกยังมีปัญหาเรื่องการทุจริตอยู่ ควรจะชะลอเฟส 2 ไว้ก่อนหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า โครงการไทยเข้มแข็งเฟส 2 ซึ่งมีงบประมาณทั้งสิ้น 1.5 แสนล้านกำลังจะเข้าครม.พรุ่งนี้ ซึ่งในเรื่องของการทุจริตในเฟสแรกนั้นก็ต้องวางมาตรการให้ดี ที่เป็นปัญหาอยู่ก็แก้ไขกันไป
“รัฐบาลกังวลเรื่องนี้มากเพราะหลักใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลนี้อยู่ได้คือความโปร่งใส ดังนั้นต้องสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น รัฐบาลต้องเน้นหนัก ซึ่งผมได้บอกกับนายกฯ ไปแล้วว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าคงต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยกันอย่างจริงจัง ซึ่งนายกฯก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าในพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีปัญหามีสมาชิกเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจะดำเนินการอย่างไร นายสาทิตย์กล่าวว่า ก็คงต้องมีการระบุคนออกมาให้ชัดเจนว่าเป็นใคร มีพฤติกรรมอย่างไร ซึ่งไม่ว่าอยู่พรรคไหนก็ต้องจัดการ ละเว้นไม่ได้ ต้องดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าไปถึงข้อกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีการปกป้องอะไรอยู่แล้ว อย่างข้อเรียกร้องที่ให้รัฐมนตรีสาธารณสุขลาออก ก็ต้องดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทำไมต้องให้รัฐมนตรีลาออก และลาออกแล้วกระบวนจะเดินหน้าไปได้หรือไม่ ถ้าลาออกแล้วเป็นอย่างไร และรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตตรงไหน และถ้าอยู่ในตำแหน่งจะไปขัดขวางตรงไหน
นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า ตอนนี้เลยกลายมาเป็นการพูดทุกวัน ทำให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลมีทุจริตเยอะ ดังนั้นต้องแยกแยะข้อเท็จจริง รัฐบาลก็ต้องสร้างให้คนเห็นเหมือนกันว่าเราก็เอาจริงเอาจังเรื่องนี้ และมาตรการที่จะไปสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้น แต่สาระใหญ่คือโครงการนี้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนแน่นอน ประเทศไทยไม่เคยมีการลงทุนขนาดใหญ่เท่านี้มา 10 กว่าปีแล้ว ครั้งนี้เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุด ถ้ายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดโดยไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานและทำให้กระบวนการลงทุนสะดุด ก็จะทำให้ประเทศไทยถอยหลังยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ดังนั้นเราจะมาย่ำอยู่รอยเดิมไม่ได้ ความโปร่งใสก็ต้องจัดการ แต่การลงทุนเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป