xs
xsm
sm
md
lg

เปิดวอร์รูมชั้น 33 ตึกชินฯ 3 ที่มาคำสั่งแหกหน้า“เฉลิม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตึกชินวัตร 3
"ผ่าประเด็นร้อน"

เริ่มต้นการเมืองรอบสัปดาห์นี้ ยังต้องวางน้ำหนักไว้ที่ปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย จากการแย่งซีนกันเองของแกนนำพรรคในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แม้หลายคนจะเชื่อว่าท้ายสุด จดหมายลาออกจากเก้าอี้ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยของ เฉลิม อยู่บำรุง คนไม่มีราคา จะจบลงด้วยการต่อสายข้ามประเทศมาจากนช.(พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร ที่จะเรียกร้องความสามัคคีกลางที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ในวันอังคารที่ 13 ตุลาคมนี้

ด้วยการขอให้ทุกฝ่ายในเพื่อไทย ประสานใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสู้กับศึกนอกพรรค ไม่ใช่มาเปิดศึก “ล่อกันเอง” จนทัพแตกขบวน

เพียงแต่การยุติศึกดังกล่าว น่าจับตามองว่าแกนนำพรรคจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้การลาออกของเฉลิมบานปลาย จนทำให้การประชุมส.ส.พรรคในวันอังคารนี้มีการเปิดเกมถล่มกันเอง อันนี้ก็ต้องรอดูฝีมือของบรรดามือประสานในพรรคเพื่อไทย

เมื่อล่าสุด ทักษิณ มีคำสั่งด่วนถึงแกนนำพรรคทั้ง สมชาย –เยาวภา วงศ์สวัสดิ์, พายัพ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ให้ร่วมกันแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ และต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีการเมืองเฉลิมกลับคืนมา หลังจากไปนั่งแถลงข่าวมติพรรคเพื่อไทยประกาศคว่ำบาตรไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่คล้อยหลังไม่ถึง 24 ชั่วโมง กลับโดน “ขาใหญ่วังน้อย” วิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน นำพรรคเพื่อไทยร่วมเดินหน้าเอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เอาประชามติ

จนทำเอาผู้คนสงสัย เฉลิมว่า แอบอ้างมติพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า ?

แนวทางหนึ่งที่มีการประกาศออกมาแล้วก็คือ จะมีการขอให้ที่ประชุมพรรคมีมติเชิญให้เฉลิม กลับมาเป็นประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม โดยแกนนำพรรคเห็นว่าแนวทางนี้ถือว่า เป็นการให้เกียรติกับเฉลิมมากที่สุด สำคัญที่ว่าเฉลิมจะเอาด้วยหรือไม่

เพราะเก้าอี้ประธาน ส.ส.พรรค ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยทางการเมือง

สิ่งสำคัญที่สุดที่เฉลิมต้องการคือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการยอมรับในตัวตนของเฉลิมในพรรคเพื่อไทยมากกว่า

เพราะตอนนี้ก็เริ่มเห็นแล้วว่า พรรคเพื่อไทย กำลังเดินเครื่องการเมืองเต็มที่ เพื่อทำให้พรรคกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และมีแนวโน้มที่หลายกลุ่มการเมืองที่แยกตัวออกไปจากพรรคกำลังจะกลับมาจับมือกันในนามเพื่อไทยอีกครั้ง

สิ่งที่เฉลิมต้องการก็คือ แม้เขาจะไม่มี ส.ส.ในสังกัดแม้แต่คนเดียวในพรรคเพื่อไทย แต่เฉลิมต้องการได้รับสถานะ และการยอมรับในฐานะแกนนำพรรคที่มีอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองเรื่องสำคัญๆ ได้ไม่แพ้หัวหน้ากลุ่มการเมืองคนอื่น

ไม่ใช่ไปแถลงในนามพรรคเพื่อไทยไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับต้องมาเสียหน้าเพราะท่าทีของประธานวิปฝ่ายค้าน ไม่รับลูกด้วย

แบบนี้ เหลิมหน้าแหก ยอมไม่ได้ !

เหตุเพราะเฉลิมรู้ดีว่า การที่วิทยา ออกมาตีแสกหน้าเช่นนี้ เป็นเพราะได้แรงหนุนจากแกนนำพรรคระดับหัวหน้ากลุ่มที่มีอำนาจการตัดสินใจในพรรคเพื่อไทย ผ่านวงประชุม

ชั้น 33 ตึกชินวัตร 3

ที่เป็นวงประชุมการเมืองของแกนนำเพื่อไทย ระดับเฮดๆ ตัวจริง ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานการเมืองของพรรคประมาณสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง

โดยวงประชุมดังกล่าวพบว่ามีแกนนำพรรคที่เข้าประชุมด้วยสม่ำเสมอก็มีเช่น สมชาย–เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ , ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, พงษ์เทพ เทพกาญจนา, ภูมิธรรม เวชชยชัย, สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ,จาตุรนต์ ฉายแสง เป็นต้น

บนกระแสข่าวว่า หลังจากมีข่าวพรรคเพื่อไทย โดยเฉลิมไปตั้งโต๊ะเปิดแถลงข่าวว่าพรรคเพื่อไทย ถอนตัวไม่ร่วมด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แกนนำเหล่านี้ก็มีการเรียกประชุม เพื่อหารือทิศทางการแก้ไข รธน.ของพรรคก่อนหน้าการประชุมวิป 3 ฝ่ายเมื่อ 8 ตุลาคม 52 ไม่นาน และเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า

หากเพื่อไทย ถอนตัวจากการร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศเอาด้วยจนเกิดมติ 3 ฝ่าย คือวิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา จะทำให้พรรคถูกวิจารณ์ในทางลบหนักว่าไม่มีจุดยืน กลับไปกลับมา

อีกทั้งมีข่าวว่า แกนนำบางคนก็ไม่พอใจบทบาทของเฉลิม ที่ไปแถลงเรื่องนี้ โดยไม่บอกให้แกนนำพรรคส่วนใหญ่รู้ก่อนล่วงหน้า

ที่ประชุมจึงมีข้อสรุปส่งไปให้ วิทยา บุรณศิริ ประกาศว่า เพื่อไทยไม่ถอนตัวจากการแก้ไข รธน. เพียงแต่ไม่เอาด้วยกับการทำประชามติ โดยให้ใช้เหตุผลว่า เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ซึ่งเชื่อว่ากระแสสังคมจะเอาด้วย เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี ไม่ควรมาสิ้นเปลืองกับการทำประชามติ และหวังจะปลดล็อกเงื่อนไขประชามติ 9 เดือน ซึ่งจะเข้าทางพรรคร่วมรัฐบาล

นั่นจึงเป็นที่มาซึ่งทำให้ เพื่อไทยแตกคอกันเองในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเสียงส.ส.ที่เห็นด้วยกับเฉลิม ก็มีจำนวนมาก เพราะเห็นว่าการที่พรรคไปร่วมเล่นเกมกับรัฐบาลในการแก้ไข รธน. พรรคไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

สู้กดดันให้มีการยุบสภาแล้วไปหาเสียงว่าพรรคเพื่อไทย จะแก้ไขรัฐธรรมนูญและออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับ ทักษิณ ชินวัตร จะดีเสียกว่า

และเมื่อแกนนำพรรคตัวจริงไม่ฟังเสียงส.ส.ในพรรค ก็เลยเริ่มมีการตีรวนกันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เฉลิม ลาออกจากประธาน ส.ส.พรรคคนเดียว ตอนนี้ พิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู ก็ประกาศจะลาออกจากเลขาฯ วิปฝ่ายค้าน เพราะไม่พอใจที่ วิทยา บุรณศิริ ไม่ยอมนำพรรคถอนตัวจากการแก้ไข รธน. ทั้งที่เสียง ส.ส.ส่วนใหญ่ต้องการเช่นนั้น

นี่จึงเป็นอีกครั้ง ที่แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย คนที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจให้กับพรรคทุกเรื่อง หาใช่บรรดา ส.ส.ร้อยกว่าคนในห้องประชุมรัฐสภา แต่เป็นพวก นักโทษคดียุบพรรค ที่คอยกดปุ่มอยู่นอกห้องประชุมรัฐสภานั่นเอง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
กำลังโหลดความคิดเห็น