ศาล ปค.ยกฟ้องทีโอที ยื่นฟ้อง กทช.ระบุคำสั่งที่ กทช.มีคำวินิจฉัยให้ทีโอทีต้องเชื่อมโครงข่ายฮัลโหล 1.5 ล้านเลขหมาย ให้ ทรูมูฟ แทค ชอบแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย
วันนี้ (9 ต.ค.) ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เลขาธิการ กทช. บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ แทค บริษัท ทรูมูฟ จำกัด กรณีที่ กทช.มีคำวินิจฉัยให้ แทค และ ทรูมูฟ ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีสิทธิหน้าที่ และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับ บมจ.กสท และยังมีคำสั่งให้ บมจ.ทีโอที จัดทำ 0ffice data และเปิด Translator เพื่อให้หมายเลขโทรศัพท์ที่แทค และทรูมูฟ ได้รับการจัดสรรจาก กทช. 1.5 ล้านเลขหมาย สามารถติดต่อกับหมายเลขในโครงข่าย ของ บมจ.ทีโอที ได้ ซึ่งทำให้ บมจ.ทีโอที ได้รับความเสียหาย เนื่องจาก แทค และ ทรูมูฟ ไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย ไม่มีโครงข่ายโทรคมนาคม ขณะที่การเชื่อมโยงเครือข่ายแทค และทรูมูฟ ต้องชำระค่าเชื่อมโยงเครือข่าย (Access Charge) ให้ บมจ.ทีโอทีก่อน แต่ภายหลังมีการยกเลิกค่าเชื่อมโยงเครือข่าย มาเป็นค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charge) ที่ถือเป็นการแก้ไขข้อตกลงที่ต้องเจรจาร่วมกันระหว่าง บมจ.ทีโอที แทคหรือทรูมูฟ และ บมจ.กสท ซึ่งทั้งหมดยังไม่มีการเจรจาตกลงและขอความเห็นชอบจาก กทช.และยังไม่มีการตกลงทำสัญญาเชื่อมต่อโครงข่ายต่อกัน
ทั้งนี้ เหตุผลของการยกฟ้องระบุว่า คำสั่งของ เลขาธิการ กทช.ลงวันที่ 24 พ.ย.48 ที่สั่งให้ บมจ.ทีโอที แจ้งข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับการจัดสรรจาก กทช.เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นดำเนินการให้หมายเลขโทรศัพท์สามารถติดต่อกันได้ทุกเครือข่าย และคำวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของ กทช.ลงวันที่ 31 ม.ค.50 ที่ยืนตามคำสั่งนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุต้องเพิกถอน จึงพิพากษายกฟ้อง
ส่วนปัญหาที่ แทค และ ทรูมูฟ มีหน้าที่ชำระค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิมหรือไม่ และสิทธิของ บมจ.ทีโอที ในการจะได้รับค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิมที่เป็นข้อตกลงที่ได้รับความคุ้มครองตาม รธน.ปี 2540 มาตรา 335(2) หรือไม่ และผู้ฟ้องมีสิทธิได้รับค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิม หรือต้องเจรจากันใหม่ตามบทบัญญัติกฎหมายที่เกิดขึ้นภายหลังนั้น เป็นข้อพิพาทที่แยกต่างหากจากสิทธิการเชื่อมต่อโครงข่ายของแทค และทรูมูฟ โดยทีโอทีไม่อาจนำมาอ้างเป็นเหตุไม่เชื่อมต่อโครงการโทรคมนาคมให้แทค และทรูมูฟ ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายได้
อีกทั้งข้อเท็จจริงยังปรากฏว่า แทค และ ทรูมูฟ มีหนังสือแจ้ง บมจ.ทีโอที ว่า จะชำระค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charge) แต่ทีโอทีแจ้งให้ชำระค่าเชื่อมโยงเครือข่าย (Access Charge) ดังนั้น ฟังได้ว่าเหตุที่ยังไม่มีการเจรจาตกลงชำระค่าเชื่อมโยงเครือข่าย เนื่องมาจากข้อขัดข้องของ บมจ.ทีโอที จึงไม่อาจอ้างว่า ยังไม่มีการเจรจาค่าเชื่อมโยงโครงข่าย มาเป็นเหตุปฏิเสธการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมได้ เพราะถ้ามีการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมแล้ว หากทีโอทีเห็นว่าบริษัทมีสิทธิได้ค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิม ก็ต้องใช้สิทธิยื่นฟ้องศาล เรียกร้องค่าเชื่อมโยงโครงข่ายจากแทค และทรูมูฟ ต่อไป 2222
วันนี้ (9 ต.ค.) ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เลขาธิการ กทช. บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ แทค บริษัท ทรูมูฟ จำกัด กรณีที่ กทช.มีคำวินิจฉัยให้ แทค และ ทรูมูฟ ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีสิทธิหน้าที่ และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับ บมจ.กสท และยังมีคำสั่งให้ บมจ.ทีโอที จัดทำ 0ffice data และเปิด Translator เพื่อให้หมายเลขโทรศัพท์ที่แทค และทรูมูฟ ได้รับการจัดสรรจาก กทช. 1.5 ล้านเลขหมาย สามารถติดต่อกับหมายเลขในโครงข่าย ของ บมจ.ทีโอที ได้ ซึ่งทำให้ บมจ.ทีโอที ได้รับความเสียหาย เนื่องจาก แทค และ ทรูมูฟ ไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย ไม่มีโครงข่ายโทรคมนาคม ขณะที่การเชื่อมโยงเครือข่ายแทค และทรูมูฟ ต้องชำระค่าเชื่อมโยงเครือข่าย (Access Charge) ให้ บมจ.ทีโอทีก่อน แต่ภายหลังมีการยกเลิกค่าเชื่อมโยงเครือข่าย มาเป็นค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charge) ที่ถือเป็นการแก้ไขข้อตกลงที่ต้องเจรจาร่วมกันระหว่าง บมจ.ทีโอที แทคหรือทรูมูฟ และ บมจ.กสท ซึ่งทั้งหมดยังไม่มีการเจรจาตกลงและขอความเห็นชอบจาก กทช.และยังไม่มีการตกลงทำสัญญาเชื่อมต่อโครงข่ายต่อกัน
ทั้งนี้ เหตุผลของการยกฟ้องระบุว่า คำสั่งของ เลขาธิการ กทช.ลงวันที่ 24 พ.ย.48 ที่สั่งให้ บมจ.ทีโอที แจ้งข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับการจัดสรรจาก กทช.เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นดำเนินการให้หมายเลขโทรศัพท์สามารถติดต่อกันได้ทุกเครือข่าย และคำวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของ กทช.ลงวันที่ 31 ม.ค.50 ที่ยืนตามคำสั่งนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุต้องเพิกถอน จึงพิพากษายกฟ้อง
ส่วนปัญหาที่ แทค และ ทรูมูฟ มีหน้าที่ชำระค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิมหรือไม่ และสิทธิของ บมจ.ทีโอที ในการจะได้รับค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิมที่เป็นข้อตกลงที่ได้รับความคุ้มครองตาม รธน.ปี 2540 มาตรา 335(2) หรือไม่ และผู้ฟ้องมีสิทธิได้รับค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิม หรือต้องเจรจากันใหม่ตามบทบัญญัติกฎหมายที่เกิดขึ้นภายหลังนั้น เป็นข้อพิพาทที่แยกต่างหากจากสิทธิการเชื่อมต่อโครงข่ายของแทค และทรูมูฟ โดยทีโอทีไม่อาจนำมาอ้างเป็นเหตุไม่เชื่อมต่อโครงการโทรคมนาคมให้แทค และทรูมูฟ ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายได้
อีกทั้งข้อเท็จจริงยังปรากฏว่า แทค และ ทรูมูฟ มีหนังสือแจ้ง บมจ.ทีโอที ว่า จะชำระค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charge) แต่ทีโอทีแจ้งให้ชำระค่าเชื่อมโยงเครือข่าย (Access Charge) ดังนั้น ฟังได้ว่าเหตุที่ยังไม่มีการเจรจาตกลงชำระค่าเชื่อมโยงเครือข่าย เนื่องมาจากข้อขัดข้องของ บมจ.ทีโอที จึงไม่อาจอ้างว่า ยังไม่มีการเจรจาค่าเชื่อมโยงโครงข่าย มาเป็นเหตุปฏิเสธการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมได้ เพราะถ้ามีการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมแล้ว หากทีโอทีเห็นว่าบริษัทมีสิทธิได้ค่าเชื่อมโยงโครงข่ายตามข้อตกลงเดิม ก็ต้องใช้สิทธิยื่นฟ้องศาล เรียกร้องค่าเชื่อมโยงโครงข่ายจากแทค และทรูมูฟ ต่อไป 2222