ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเพิกถอนประกาศกรมป่าไม้ กำหนดพื้นที่ให้ส่วนราชการ-องค์กรของรัฐเข้าไปใช้ประโยชน์ทับซ้อนที่ชาวบ้าน โดยศาลสั่งเพิกถอนพร้อมให้คืนที่ดินให้ชาวบ้านเพียง 9 ราย จากผู้ฟ้อง 19 ราย เหตุมีหลักฐานตามสิทธิ ส.ค.1 และ น.ส.3
วันนี้ (30 ก.ย.) ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศกรมป่าไม้ เรื่อง กำหนดบริเวณพื้นที่ให้ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐเข้าใช้ประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ฉบับที่ 190/2539 ลงวันที่ 10 ต.ค.2539 เฉพาะส่วนเนื้อที่ที่ทับซ้อนกับพื้นที่ ตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) เลขที่ 101 หมู่ที่ 6 ต.หนองกะปุ ส.ค.1 เลขที่ 129 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 103 หมู่ที่ 6 ต.หนองกะปุ ส.ค.1 เลขที่ 127 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 136 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 148 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 138 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 133 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 112 หมู่ที่ 6 ต.บ้านทาน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ที่ผู้ฟ้องคดี คือ นายหวัด กรัดเข็มทอง นางทอง ทองมาก นางบุญมี ปานหอม นางเผิ่น บานแย้ม นางบุญส่ง ทองมาก นายนอบ เทียนทอง นางผิ่นทองมาก นางสร้อย ทองมาก และนายพ้วน ทองมาก ครอบครองและทำประโยชน์ตามลำดับ และให้กรมป่าไม้ สถาบันราชภัฏเพชบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีถือปฏิบัติต่อสิทธิและหน้าที่ของประชาชนผู้เสียหายทั้ง 9 ตามหลักฐาน ส.ค.1 และ น.ส.3 ดังกล่าว
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวผู้ร้องเป็นชาวบ้านจำนวน 19 ราย แต่ที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนและคืนที่ดินให้ผู้เสียหายเพียง 9 ราย เนื่องจากมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า มีสิทธิตาม ส.ค.1 และ น.ส.3 ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงการครอบครองที่ดินและรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น การที่กรมป่าไม้ ประกาศกำหนดบริเวณพื้นที่ให้ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐเข้าใช้ประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ฉบับที่ 190/2539 ลงวันที่ 10 ต.ค.2539 ให้สถาบันราชภัฏเพชรบุรี เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต เนื้อที่ 1,306ไร่ ในการจัดทำศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรท้องที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่ที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 ครอบครองตามหลักฐาน น.ส.3 และจึงเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ (30 ก.ย.) ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศกรมป่าไม้ เรื่อง กำหนดบริเวณพื้นที่ให้ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐเข้าใช้ประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ฉบับที่ 190/2539 ลงวันที่ 10 ต.ค.2539 เฉพาะส่วนเนื้อที่ที่ทับซ้อนกับพื้นที่ ตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) เลขที่ 101 หมู่ที่ 6 ต.หนองกะปุ ส.ค.1 เลขที่ 129 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 103 หมู่ที่ 6 ต.หนองกะปุ ส.ค.1 เลขที่ 127 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 136 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 148 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 138 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน ส.ค.1 เลขที่ 133 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทาน และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 112 หมู่ที่ 6 ต.บ้านทาน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ที่ผู้ฟ้องคดี คือ นายหวัด กรัดเข็มทอง นางทอง ทองมาก นางบุญมี ปานหอม นางเผิ่น บานแย้ม นางบุญส่ง ทองมาก นายนอบ เทียนทอง นางผิ่นทองมาก นางสร้อย ทองมาก และนายพ้วน ทองมาก ครอบครองและทำประโยชน์ตามลำดับ และให้กรมป่าไม้ สถาบันราชภัฏเพชบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีถือปฏิบัติต่อสิทธิและหน้าที่ของประชาชนผู้เสียหายทั้ง 9 ตามหลักฐาน ส.ค.1 และ น.ส.3 ดังกล่าว
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวผู้ร้องเป็นชาวบ้านจำนวน 19 ราย แต่ที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนและคืนที่ดินให้ผู้เสียหายเพียง 9 ราย เนื่องจากมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า มีสิทธิตาม ส.ค.1 และ น.ส.3 ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงการครอบครองที่ดินและรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น การที่กรมป่าไม้ ประกาศกำหนดบริเวณพื้นที่ให้ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐเข้าใช้ประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ฉบับที่ 190/2539 ลงวันที่ 10 ต.ค.2539 ให้สถาบันราชภัฏเพชรบุรี เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต เนื้อที่ 1,306ไร่ ในการจัดทำศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรท้องที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่ที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 ครอบครองตามหลักฐาน น.ส.3 และจึงเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย