เอแบคโพลเผย ปชช.เห็นควรแก้ รธน.เพิ่มอำนาจ ปชช.ตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชันระดับชาติ และระดับท้องถิ่นได้โดยตรง ขณะเดียวกัน เชื่อแก้ รธน.เป็นทางออกช่วยลดปัญหาขัดแย้ง แต่ต้องทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญและตั้ง ส.ส.ร.3 ตามลำดับ
วันนี้ (27 ก.ย.) เอแบคโพลล์ เผยผลเปรียบเทียบความคิดเห็นของสาธารณชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม กับเดือนกันยายน โดยผลสำรวจปรากฏว่า เดือนกันยายน ประชาชนร้อยละ 77.6 เห็นว่า ควรแก้ไขมาตราที่เกี่ยวกับการยุบพรรค เพราะทำให้เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ทำงานไม่ต่อเนื่อง ฝ่ายการเมืองอ่อนแอเกินไป เกิดความขัดแย้งในสังคม บ้านเมืองแตกแยก ร้อยละ 59.2 ควรแก้มาตราที่เกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย ส.ส.รวม 480 คน โดยมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 คน และเลือกตั้งแบบสัดส่วน 80 คน
นอกจากนี้ ร้อยละ 92.4 เห็นด้วยที่จะมีการเพิ่มอำนาจให้กับประชาชนในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันระดับชาติ และระดับท้องถิ่นได้โดยตรง ร้อยละ 52.6 เชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นทางออกช่วยลดปัญหาความขัดแย้ง ร้อยละ 86.5 เห็นว่า ควรมีการทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ร้อยละ 77.2 เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (27 ก.ย.) เอแบคโพลล์ เผยผลเปรียบเทียบความคิดเห็นของสาธารณชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม กับเดือนกันยายน โดยผลสำรวจปรากฏว่า เดือนกันยายน ประชาชนร้อยละ 77.6 เห็นว่า ควรแก้ไขมาตราที่เกี่ยวกับการยุบพรรค เพราะทำให้เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ทำงานไม่ต่อเนื่อง ฝ่ายการเมืองอ่อนแอเกินไป เกิดความขัดแย้งในสังคม บ้านเมืองแตกแยก ร้อยละ 59.2 ควรแก้มาตราที่เกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย ส.ส.รวม 480 คน โดยมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 คน และเลือกตั้งแบบสัดส่วน 80 คน
นอกจากนี้ ร้อยละ 92.4 เห็นด้วยที่จะมีการเพิ่มอำนาจให้กับประชาชนในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันระดับชาติ และระดับท้องถิ่นได้โดยตรง ร้อยละ 52.6 เชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นทางออกช่วยลดปัญหาความขัดแย้ง ร้อยละ 86.5 เห็นว่า ควรมีการทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ร้อยละ 77.2 เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
