ทนายความ"ทักษิณ" อ้างตัวเป็น ปธ.ชมรมกฎหมายภิวัฒน์ ก้าวล่วงอำนาจศาลฎีกา ยื่นหนังสือประมุขศาล โวยขอตรวจสอบบัญชีรายชื่อองค์คณะตุลาการพิจารณาทุจริตคดีกล้ายาง บ้าไปแล้วจ้องยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบที่มาทรัพย์สิน
วันนี้ (23 ก.ย.) นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทีมทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างตัวเป็นประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่าย กล่าวว่า ในวันที่ 24 ก.ย. เวลา 13.30 น. ตนพร้อมด้วยสมาชิกชมรมฯ จะเดินทางไปที่ศาลฎีกา เพื่อขออนุญาตเข้าพบประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะกรรมการตุลาการ พร้อมทั้งยื่นหนังสือ เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบองค์คณะผู้พิพากษาทั้งหมด และเจ้าหน้าที่ศาลที่เกี่ยวข้องกับคดีหมายเลขดำ ที่ อม.4/2551 (คดีทุจริตกล้ายาง) ซึ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า เหตุใดก่อนมีคำพิพากษานายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้ทราบผลของคดีเป็นการล่วงหน้าว่าจะยกฟ้องจำเลยทั้งหมด โดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ จะมีมติ 8 ต่อ 1 ซึ่งตรงกับข่าวที่สื่อมวลชนหลายฉบับเสนอ อีกทั้งตรงกับการปราศรัยฯ และการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และในวันเดียวกันก็จะเดินทางไปสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้ทำการตรวจสอบบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 39 (12) และเพื่อให้ตรวจสอบทรัพย์สินขององค์คณะผู้พิพากษาคดีทุจริตกล้ายางอีกส่วนหนึ่งด้วย ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 87 (3)
วันนี้ (23 ก.ย.) นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทีมทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างตัวเป็นประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่าย กล่าวว่า ในวันที่ 24 ก.ย. เวลา 13.30 น. ตนพร้อมด้วยสมาชิกชมรมฯ จะเดินทางไปที่ศาลฎีกา เพื่อขออนุญาตเข้าพบประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะกรรมการตุลาการ พร้อมทั้งยื่นหนังสือ เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบองค์คณะผู้พิพากษาทั้งหมด และเจ้าหน้าที่ศาลที่เกี่ยวข้องกับคดีหมายเลขดำ ที่ อม.4/2551 (คดีทุจริตกล้ายาง) ซึ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า เหตุใดก่อนมีคำพิพากษานายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้ทราบผลของคดีเป็นการล่วงหน้าว่าจะยกฟ้องจำเลยทั้งหมด โดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ จะมีมติ 8 ต่อ 1 ซึ่งตรงกับข่าวที่สื่อมวลชนหลายฉบับเสนอ อีกทั้งตรงกับการปราศรัยฯ และการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และในวันเดียวกันก็จะเดินทางไปสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้ทำการตรวจสอบบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 39 (12) และเพื่อให้ตรวจสอบทรัพย์สินขององค์คณะผู้พิพากษาคดีทุจริตกล้ายางอีกส่วนหนึ่งด้วย ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 87 (3)
