หลังจากเอเอสทีวีได้นำเสนอตัวตนที่แท้จริงของ “จตุพร พรหมพันธุ์” และ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” 2 แกนนำคนเสื้อแดงผ่านรายงานพิเศษ “สามเกลอหัวขวด สู้แล้วรวย” ไปแล้ว วันนี้เราจะไปดูตัวตนของ “วีระ มุสิกพงศ์” อีกหนึ่งแกนนำคนเสื้อแดง ก่อนที่คนเหล่านี้จะนำคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้ง 19 ก.ย.นี้
ภาพของวีระ มุสิกพงศ์ สวมหัวโขนแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นำมวลชนคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นับครั้งไม่ถ้วน หาใช่เรื่องแปลกใหม่ของนักการเมืองรุ่นเก่าผู้นี้ เพราะก่อนหน้านี้วีระเคยนำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และไม่ใช่เรื่องแปลกอีกที่การลงแรงนำมวลชนคนเสื้อแดงครั้งนี้ วีระจะทุ่มเทแบบสุดตัวเมื่อมีเม็ดเงินมหาศาลจากทักษิณ ชินวัตร อัดฉีดและคงมีเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยของทักษิณที่ถูกผ่องถ่ายเข้ากระเป๋าของเขาเพื่อแลกกับค่าเหนื่อย
วีระ มุสิกพงศ์ เจ้าของฉายา “ไข่มุกดำ” เริ่มต้นเส้นทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2518 ก่อนจะได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกที่เขตพญาไท จากนั้นมาบทบาทของวีระเริ่มโดดเด่นขึ้นและได้รับตำแหน่งทางการเมืองเรื่อยมา
แม้วีระจะโดดเด่นบนเส้นทางการเมืองกับพรรคเก่าแก่อย่าง “ประชาธิปัตย์” แต่ก็จำใจต้องออกจากพรรคการเมืองนี้ หลังจากกลุ่มของวีระในนาม “กลุ่ม 10 มกรา” ออกแรงผลักดัน “เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์” เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น แต่ถูกกลุ่มของ “ชวน หลีกภัย” ที่ต้องการหนุน “พิชัย รัตตกุล” เป็นหัวหน้าพรรคขวาง จน “กลุ่ม 10 มกรา” ต้องอกหักและตัดสินใจอำลาประชาธิปัตย์ไปตั้งพรรคใหม่ในนามพรรคประชาชน ก่อนที่พรรคนี้จะถูกยุบในเวลาต่อมา
บทบาททางการเมืองของวีระ มุสิกพงศ์ กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง เมื่อผันตัวเองเป็นคนสนิทของ “บิ๊กจิ๊ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในสมัยที่ผู้นำกองทัพนายนี้ตัดสินใจทิ้งเก้าอี้ผบ.ทบ.โดดเล่นการเมืองเต็มตัวโดยก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ ก่อนที่พรรคความหวังใหม่จะควบรวมกิจการกับพรรคไทยรักไทย จนอานิสงส์ส่งถึงวีระ มุสิกพงศ์ ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคสมใจและเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
วีระ นับเป็นนักการเมืองอารมณ์ศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะการพูดเชิงดัดแปลงที่ดึงดูดใจประชาชน ซึ่งการเป็นคนชอบดัดแปลงคำพูดแบบไม่ผ่านสมองนี่เองที่เป็นเหตุให้ตัวเขาต้องโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
สัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช
“คนที่เป็นกังวลและสงสารวีระอย่างมาก ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่อย่างท่านชวน หลีกภัย กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะว่า พล.อ.เปรม ตอนที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี วีระก็เป็นรัฐมนตรีในช่วงที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ท่านก็ถือว่า ท่านเป็นคนที่เคยช่วยเหลือมาก่อน ท่านก็ช่วยเหลือวีระ ในที่สุดก็ติดคุกไม่กี่วันก็ออกมา”สัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าว
การเข้าออกหลายพรรคการเมืองตลอดหลายสิบปีในชีวิตการเมืองของวีระ มุสิกพงศ์ ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมนักการเมืองคนนี้ได้ดี โดยเฉพาะการเปลี่ยนสีเพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์ ไม่แตกต่างจากในอดีตที่วีระ เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสมัคร สุนทรเวช ถึงขั้นเขียนหนังสือโต้ตอบกันระหว่างเรื่องสันดานักหนังสือพิมพ์ ที่สมัครเขียนแฉพฤติกรรมของวีระกับสันดานรัฐมนตรีที่วีระเขียนแฉถึงพฤติกรรมจอมโกงของสมัคร อีกทั้งวีระยังเคยลงทุนสร้างหนังเรื่อง “ไอ้ซ่าส์...จอมเนรคุณ” ที่มีเนื้อหาเสียดสีสมัคร แต่หนังเรื่องนี้ถูกเซ็นเซอร์ไม่ให้ออกฉาย
แต่แล้วความเกลียดชังในอดีตก็ถูกลบเลือนจนหมดสิ้น เมื่อวีระและสมัครหันหน้ามาจับมือตั้งรัฐบาลร่วมกันภายหลังพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งปี 2550
วีระ มุสิกพงศ์ ยังสร้างวีรกรรมบนเส้นทางการเมืองนับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงเหตุการณ์กบฏ 26 มีนาคม 2520 ที่ร่วมกับ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ หวังโค่นรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร แต่ไม่สำเร็จ จนวีระต้องโทษจำคุกในข้อหากบฏ และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 ที่วีระเข้าร่วมต่อต้านรัฐบาลสุจินดา คราประยูร จนตัวเองต้องถูกจับและถูกฝากขังที่โรงเรียนพลตำรวจบางเขน เช่นเดียวกับพลตรีจำลอง ศรีเมืองและแกนนำสำคัญอีกหลายคน
เคยอาจเอื้อม คิดจีบ “จารุณี สุขสวัสดิ์”
ใช่ว่า วีระ มุสิกพงศ์ จะมีชีวิตการเมืองที่โลดโผนเท่านั้น ชีวิตรักของวีระเองก็โลดโผนเช่นกัน ที่เด่นชัดคงไม่พ้นการใช้ความเป็นนักการเมืองเบิกทางจีบสาว จนคว้าดาวมหาวิทยาลัยรามคำแหง “ศรีวิไล ประสุตานนท์” มาเป็นภรรยาและมีบุตรด้วยกัน 3 คน นอกจากนี้ ก่อนแต่งงาน ยังเคยสร้างความฮือฮาด้วยการสารภาพรักต่อ จารุณี สุขสวัสดิ์ นางเอกชื่อดังในขณะนั้น รวมถึงเคยลงทุนเยี่ยมจารุณีขณะพักรักษาตัวถึงโรงพยาบาล แต่ถูกสาวเจ้าปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ
ปัจจุบันวีระอาศัยอยู่ที่บ้านพักย่านดอนเมือง ซึ่งเป็นของกำนัลที่ได้รับเมื่อครั้งมีตำแหน่งทางการเมือง โดยไร้เงาภรรยาอดีตดาวมหาวิทยาลัยที่ไปเปิดร้านอาหารทำมาหากินไกลถึงประเทศอังกฤษ ส่วนอาชีพหลักของวีระในปัจจุบัน คงไม่พ้นหน้าที่พิทักษ์ระบอบทักษิณ
โดยอาสาเป็นแกนนำขับเคลื่อนกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งมีภารกิจสำคัญในวันพรุ่งนี้ คือการนำมวลชนเสื้อแดงบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับที่เคยให้การช่วยเหลือเมื่อครั้งวีระ เมื่อครั้งยื่นถวายฎีกาไม่ให้ตัวเองต้องเข้าไปนอนในคุกฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้วและวีระคนนี้ก็เคยเป็นลูกรักทางการเมืองของป๋าเปรมมาก่อน
เปิดปูม 3 เกลอหัวขวด : “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แม่เจ๊ง-ตัวเองรวย
เปิดปูม 3 เกลอหัวขวด : “ตู่-สู้แล้วรวย”