"มาร์ค" เปิดทำเนียบฯ เลี้ยงอาหารละศีลอดเดือนรอมฏอนแก่ผู้นำศาสนาอิสลาม หยอดคำหวาน ปี 53 รัฐอนุมัติขึ้นเงินเดือนให้ กรรมการอิสลาม อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ทุกมัสยิดทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ นายกฯ ถือโอกาสกล่าวคำอวยพรพี่น้องมุสลิม ขอให้รักและศรัทธาในคำสอนแห่งศาสนาอิสลาม รวมทั้งช่วยกันพัฒนาและประเทศชาติ ซึ่งบรรยากาศงานเลี้ยงเป็นไปอย่างชื่นมื่น
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ตึกสันติไมตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญคณะทูตานุทูตประเทศมุสลิมในประเทศไทยพร้อมด้วยผู้บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม โต๊ะอีหม่ามและตัวแทนพี่น้องชาวไทยมุสลิม มาร่วมรับประทานอาหารในงานเลี้ยงละศีลอด เนื่องในช่วงแห่งการถือศีลอด (เดือนรอมฎอน)ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1430 ของศาสนาอิสลาม
โดยโอกาสนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวต้อนรับ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศได้ประกอบศาสนกิจ ด้วยการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตามที่ศาสนาอิสลามได้บัญญัติไว้ ด้วยความอดทน อดกลั้น จนนำไปสู่ความเข้มแข็งทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ อันเป็นการขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ศาสนาอิสลามถือเป็นศาสนาที่สำคัญของโลก มีคนทั่วโลก นับถือมากถึง 1,800 ล้านคน ข้อบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิบัติและจริยธรรมของศาสนาอิสลาม ถือว่าเป็นธรรมนูญสำหรับมนุษย์ที่ครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งจะทำให้เกิดความสงบสุขในชีวิตและสังคม และเป็นจริยธรรมอันสูงส่งเพื่อการครองตนอย่างมีเกียรติ การปฏิบัติตนของมุสลิมทั่วโลกจึงเป็นที่ประทับใจแก่บุคคลทั่วไปที่ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง การปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องชาวไทยมุสลิม ถือว่ามีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมบทบาทของสถาบันครอบครัว ร่วมกับสถาบันทางศาสนา และสถาบันทางสังคมอื่นๆ ในการปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีของประชาชนในสังคม ส่งเสริมการปรับปรุงองค์กรและกลไกที่รับผิดชอบทางด้านศาสนา เพื่อให้สามารถบริหารจัดการในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา เพื่อนำหลักธรรมของศาสนามาใช้ในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนใช้หลักธรรมในการดำรงชีวิตมากขึ้น
“รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการบริหารกิจการด้านศาสนาอิสลามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในปีงบประมาณ 2553 กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้มีการเสนอให้เพิ่มค่าตอบแทนแก่ผู้บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม ตั้งแต่ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัด อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ทุกมัสยิดทั่วประเทศ โดยยึดขนาดของพื้นที่ ซึ่งประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจะได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่ 1,900-3,500 บาท และอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่ 1,000-1,200 บาทต่อเดือน โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 นี้ ส่วนกรณีของพี่น้องประชาชนนั้น ก็จะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลในด้านต่างๆ อาทิ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โครงการเรียนฟรี 15 ปี และโครงการอื่นๆ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวอวยพรให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคนซึ่งมีความรักและความศรัทธาอย่างยิ่งใหญ่ในคำสอนแห่งศาสนาอิสลาม ได้บรรลุผลในสิ่งที่พึงปรารถนา และประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีพลังกาย พลังใจ และพลังปัญญา เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ พัฒนาสังคมและประเทศชาติให้มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองสืบไป
จากนั้น นายอรุณ บุญชม ประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวขอบคุณและขอพร (ดุอา) ให้นายกรัฐมนตรีและผู้มาร่วมงาน
สำหรับงานเลี้ยงละศีลอดในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้นำของที่ระลึกมามอบให้กับผู้ที่มาร่วมงานทุกคน โดยสุภาพบุรุษ ได้รับหมวกและผ้าโสร่ง ส่วนสุภาพสตรี ได้รับผ้าคลุมผม (ฮิญาบ)