ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯ 48 ตำแหน่ง สลับเก้าอี้ระดับอธิบดีภายในกระทรวง พ่อเมืองเนวินบุรีได้ดิบได้ดี ถูกสั่งโยกนั่งแท่นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน -ต่ออายุราชการ “อนุชา โมกขะเวส” ทั้งโยกที่นั่งผู้ว่าฯใน 3 จ.ชายแดนใต้ ขณะที่ “สิงห์แดง” ผงาดจากรองผู้ว่าฯ-รองอธิบดี ขึ้นนั่งผู้ว่าฯ ใหม่เพียบ ส่วน “ปลัดพาณิชน์-สปน.” ถูกเบรก คาดเข้าสัปดาห์หน้า
วันนี้(15 ก.ย.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้แต่งตั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย ส่วนของกระทรวงคมนาคม นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นปลัดคนใหม่ด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยจำนวน 48 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งที่น่าสนใจ ประกอบด้วย
นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายมงคล สุระสัจจะ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ มาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนแทน
ขณะที่ผู้ว่าที่ก่อนหน้านั้นถูกคาดการณ์จะได้เป็นอธิบดีสำคัญๆหรือตำแหน่ง ปลัดกระทรวง เช่น นายประชา เตรัตน์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวง นายขวัญชัย วงศ์นิติกรพ้นจากผู้ว่าฯสมุทรปราการ ขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวง ให้ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ส่วนนายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา พ้นจากผู้ว่าฯสมุทรสาคร มาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นางสาวเรื่องวรรณ บัวนุช พ้นจากผู้ว่าพะเยา มาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายชุมพร พลรักษ์ พ้นจากผู้ว่าสิงห์บุรี มาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าชัยนาท มาเป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง
ขณะเดียวกัน ครม.ยังให้มีการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย นายอธิคม สุพรรณพงศ์ ย้ายจากจังหวัดหนองบัวลำภู ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายชิตพงษ์ ฤทธิประศาสน์ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายถาวร พรหมมีชัย ย้ายจาก จ.ชัยภูมิ ไปสระบุรี นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ย้ายจากผู้ว่าฯ จ.หนองคาย ไปเป็นผู้ว่า จ.บุรีรัมย์ นายธวัชชัย ฟักอังกูร พ้นจากผู้ว่าอุตรดิตถ์ มาเป็นผู้ว่าร้อยเอ็ด นายคมสัน เอกชัย พ้นจากผู้ว่าฯตาก มาเป็นผู้ว่าฯหนองคาย
ในส่วนของภาคเหนือ นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย พ้นจากผู้ว่าปราจีนบุรี มาเป็นผู้ว่าเพชรบูรณ์ นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ พ้นจากผู้ว่าสุโขทัย มาเป็นผู้ว่าอุตรดิตถ์ นายศุภกิจ บุญญาฤทธิพงษ์ พ้นจากผู้ว่านครสวรรค์ เป็นผู้ว่าลำปาง นายกวี กิตติสถาพร พ้นจากผู้ว่าหนองคาย มาเป็นผู้ว่านครสวรรค์
นอกจากนี้ ยังมีการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นายภาณุ อุทัยรัตน์ พ้นจากผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าฯนราธิวาส ไปเป็นผู้ว่าฯ พัทลุง นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าฯ ยะลา ไปเป็นผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายดำริห์ บุญจริง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าฯพัทลุง มาเป็นผู้ว่าฯ สงขลา
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคกลางหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดรอบนอกกรุงเทพฯ รวมทั้งรองผู้ว่าฯ หรือรองอธิบดีที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าฯใหม่ ส่วนใหญ่นั้นเป็นสิงห์แดง หรือศิษย์เก่าจากรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 24 คน ประกอบด้วย นายวันชัย สุทธิวรชัย จากรองผู้ว่านครนายก เป็นผู้ว่าชัยภูมิ นายศิริพงษ์ ด่านตระกูล จากนครปฐม มาเป็นผู้ว่าฯปราจีนบุรี นายจักริน เปลี่ยนวงศ์ จากรองผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ มาเป็นผู้ว่าฯ สุโขทัย นายจำลอง โพธิ์สุ จากรองผู้ว่าชัยนาท เป็นผู้ว่าฯชัยนาท นายกำธร ถาวรสถิต จากรองผู้ว่าฯ สมุทรปราการ มาเป็นผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา จากรองผู้ว่าฯ สุรินทร์ มาเป็นผู้ว่าฯ ยโสธร นายสามารถ ลอยฟ้า จากรองผู้ว่าฯ ลำปาง มาเป็นตาก
นายวิศวะ ศะศิสมิต จากรองผู้ว่าฯศรีสะเกษ มาเป็นผู้ว่าฯ อ่างทอง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ จากรองอธิบดีกรมป้องกันสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯลพบุรี นายพรศักดิ์ เจียรณัย จากรองผู้ว่าเลย เป็นผู้ว่าเลย นายวิเชียร พุฒิวิญญู จากรองผู้ว่านนทบุรี มาเป็นผู้ว่านนทบุรี นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล จากเพชรบุรี มาประจวบคีรีขันธ์ นายสุชัย ขันอาสา จากรองผู้ว่าสมุทรปราการ มาเป็นผู้ว่าสมุทรปราการ นายบุญส่ง เดชะมณีสถิตย์ จากสุราษฏ์ธานี มามุกดาหาร นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ จากมหาสารคาม มากาฬสินธุ์ นายไมตรี อินทุสุต จากรองผู้ว่าฯ ลพบุรีมาเป็นผู้ว่าฯ ตรัง นายธนน เวชกรกานนท์ จากรองผู้ว่านราธิวาส เป็นผู้ว่านราธิวาส นายกฤษฎา บุญราช จากรองผู้ว่ายะลา เป็นผู้ว่ายะลา และนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต จากรองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ว่าหนองบัวลำภู นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มาเป็นผู้ว่าสมุทรสาคร
ขณะที่นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าพิจิตร ให้รักษาการแทนผู้ว่าแพร่ และนายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร รองผู้ว่าพิจิตร รักษาการแทนผู้ว่าพิจิตร ส่วนนายวันชัย อุดมศิลป์ ให้พ้นจากผู้ว่ายโสธร และนายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงษ์ ให้พ้นจากผู้ว่าเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นต้นไป
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติขยายอายุราชการให้กับนายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต่ออีก 1 ปี ยังมีการแต่งตั้งนายประกอบ จิรกิตติ ที่ลาออกจากรองผู้ว่า กทม. มาเป็น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ เจ้ากระทรวงเสนอชื่อนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้ดำรงตำแหน่งเป็นปลัด แต่นายกรัฐมนตรียังไม่อนุมัติ โดยระบุว่าจะขอดูรายละเอียดก่อน รวมทั้งตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
วันนี้(15 ก.ย.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้แต่งตั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย ส่วนของกระทรวงคมนาคม นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นปลัดคนใหม่ด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยจำนวน 48 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งที่น่าสนใจ ประกอบด้วย
นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายมงคล สุระสัจจะ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ มาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนแทน
ขณะที่ผู้ว่าที่ก่อนหน้านั้นถูกคาดการณ์จะได้เป็นอธิบดีสำคัญๆหรือตำแหน่ง ปลัดกระทรวง เช่น นายประชา เตรัตน์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวง นายขวัญชัย วงศ์นิติกรพ้นจากผู้ว่าฯสมุทรปราการ ขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวง ให้ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ส่วนนายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา พ้นจากผู้ว่าฯสมุทรสาคร มาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นางสาวเรื่องวรรณ บัวนุช พ้นจากผู้ว่าพะเยา มาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายชุมพร พลรักษ์ พ้นจากผู้ว่าสิงห์บุรี มาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าชัยนาท มาเป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง
ขณะเดียวกัน ครม.ยังให้มีการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย นายอธิคม สุพรรณพงศ์ ย้ายจากจังหวัดหนองบัวลำภู ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายชิตพงษ์ ฤทธิประศาสน์ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายถาวร พรหมมีชัย ย้ายจาก จ.ชัยภูมิ ไปสระบุรี นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ย้ายจากผู้ว่าฯ จ.หนองคาย ไปเป็นผู้ว่า จ.บุรีรัมย์ นายธวัชชัย ฟักอังกูร พ้นจากผู้ว่าอุตรดิตถ์ มาเป็นผู้ว่าร้อยเอ็ด นายคมสัน เอกชัย พ้นจากผู้ว่าฯตาก มาเป็นผู้ว่าฯหนองคาย
ในส่วนของภาคเหนือ นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย พ้นจากผู้ว่าปราจีนบุรี มาเป็นผู้ว่าเพชรบูรณ์ นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ พ้นจากผู้ว่าสุโขทัย มาเป็นผู้ว่าอุตรดิตถ์ นายศุภกิจ บุญญาฤทธิพงษ์ พ้นจากผู้ว่านครสวรรค์ เป็นผู้ว่าลำปาง นายกวี กิตติสถาพร พ้นจากผู้ว่าหนองคาย มาเป็นผู้ว่านครสวรรค์
นอกจากนี้ ยังมีการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นายภาณุ อุทัยรัตน์ พ้นจากผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าฯนราธิวาส ไปเป็นผู้ว่าฯ พัทลุง นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าฯ ยะลา ไปเป็นผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายดำริห์ บุญจริง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าฯพัทลุง มาเป็นผู้ว่าฯ สงขลา
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคกลางหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดรอบนอกกรุงเทพฯ รวมทั้งรองผู้ว่าฯ หรือรองอธิบดีที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าฯใหม่ ส่วนใหญ่นั้นเป็นสิงห์แดง หรือศิษย์เก่าจากรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 24 คน ประกอบด้วย นายวันชัย สุทธิวรชัย จากรองผู้ว่านครนายก เป็นผู้ว่าชัยภูมิ นายศิริพงษ์ ด่านตระกูล จากนครปฐม มาเป็นผู้ว่าฯปราจีนบุรี นายจักริน เปลี่ยนวงศ์ จากรองผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ มาเป็นผู้ว่าฯ สุโขทัย นายจำลอง โพธิ์สุ จากรองผู้ว่าชัยนาท เป็นผู้ว่าฯชัยนาท นายกำธร ถาวรสถิต จากรองผู้ว่าฯ สมุทรปราการ มาเป็นผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา จากรองผู้ว่าฯ สุรินทร์ มาเป็นผู้ว่าฯ ยโสธร นายสามารถ ลอยฟ้า จากรองผู้ว่าฯ ลำปาง มาเป็นตาก
นายวิศวะ ศะศิสมิต จากรองผู้ว่าฯศรีสะเกษ มาเป็นผู้ว่าฯ อ่างทอง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ จากรองอธิบดีกรมป้องกันสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯลพบุรี นายพรศักดิ์ เจียรณัย จากรองผู้ว่าเลย เป็นผู้ว่าเลย นายวิเชียร พุฒิวิญญู จากรองผู้ว่านนทบุรี มาเป็นผู้ว่านนทบุรี นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล จากเพชรบุรี มาประจวบคีรีขันธ์ นายสุชัย ขันอาสา จากรองผู้ว่าสมุทรปราการ มาเป็นผู้ว่าสมุทรปราการ นายบุญส่ง เดชะมณีสถิตย์ จากสุราษฏ์ธานี มามุกดาหาร นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ จากมหาสารคาม มากาฬสินธุ์ นายไมตรี อินทุสุต จากรองผู้ว่าฯ ลพบุรีมาเป็นผู้ว่าฯ ตรัง นายธนน เวชกรกานนท์ จากรองผู้ว่านราธิวาส เป็นผู้ว่านราธิวาส นายกฤษฎา บุญราช จากรองผู้ว่ายะลา เป็นผู้ว่ายะลา และนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต จากรองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ว่าหนองบัวลำภู นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มาเป็นผู้ว่าสมุทรสาคร
ขณะที่นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าพิจิตร ให้รักษาการแทนผู้ว่าแพร่ และนายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร รองผู้ว่าพิจิตร รักษาการแทนผู้ว่าพิจิตร ส่วนนายวันชัย อุดมศิลป์ ให้พ้นจากผู้ว่ายโสธร และนายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงษ์ ให้พ้นจากผู้ว่าเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นต้นไป
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติขยายอายุราชการให้กับนายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต่ออีก 1 ปี ยังมีการแต่งตั้งนายประกอบ จิรกิตติ ที่ลาออกจากรองผู้ว่า กทม. มาเป็น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ เจ้ากระทรวงเสนอชื่อนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้ดำรงตำแหน่งเป็นปลัด แต่นายกรัฐมนตรียังไม่อนุมัติ โดยระบุว่าจะขอดูรายละเอียดก่อน รวมทั้งตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า