“เพื่อไทย” เตือนรัฐคิดให้ดีก่อนใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในการชุมนุมเสื้อแดง 19 ก.ย. เชื่อเป็นการยั่วยุให้ทหารและปชช.เกิดการเผชิญหน้ากัน โวคนร่วมชุมนุมเป็นแสน หยัน “มาร์ค” อาจเดินซ้ำรอย “แม้ว” ตกเก้าอี้อดกลับไทย แหกปากร้อง “มาร์ค” ยุบสภา เดือน พ.ย. หลังแก้ รธน.และงบประมาณปี53ผ่านวุฒิสภา
วันนี้ (13 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีรัฐประหารว่า ขณะนี้มีแนวโน้มว่ารัฐบาลอาจจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อควบคุมและใช้กำลังทหารเป็นหลักในวันชุมนุมดังกล่าว ดังนั้น พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ทบทวนถึงผลดีและผลเสียของการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพราะน่าจะเป็นการยั่วยุทหารและประชาชนให้เกิดการเผชิญหน้าอีกครั้ง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้วิเคราะห์แล้วว่าในวันที่ 19 ก.ย.จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมนับแสนคน
ดังนั้น ขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลดการเผชิญหน้าโดยใช้กฎหมายเท่าที่มีอยู่ก็น่าจะเพียงพอ นอกจากนี้ พรรคยังทราบว่าสายฮาร์ดคอร์ในหลายจังหวัดเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ซึ่งจะทำให้มือที่ 3 เข้ามาแทรกแซงจนทำให้อำนาจนอกระบบเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ซึ่งอาจจะทำให้นายอภิสิทธิ์ตกเก้าอี้ เข้าลักษณะกงกำกงเกวียนเหมือนกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปประชุมที่สหรัฐอเมริกาแล้วไม่ได้กลับประเทศไทย ดังนั้นขอให้นายอภิสิทธิ์ทบทวนให้รอบด้าน อย่าฟังที่ปรึกษาสายเหยี่ยวเพียงอย่างเดียว ให้ยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้งไม่ใช่มองเก้าอี้ของนายกรัฐมนตรีเป็นที่ตั้ง
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงเหตุลอบปาระเบิดบ้านเก่าของคณะกรรมการ ป.ป.ช.และเหตุขว้างปาปลาร้าใส่นายกรัฐมนตรีที่ จ.ลพบุรี ว่าการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วาดรูปหัวใจโดยใช้เส้นสีเหลืองและสีแดง รวมทั้งเซ็นชื่อด้วยสีน้ำเงินนั้นยังไม่เพียงพอ ต้องแสดงความริงใจในการสร้างความสมานฉันท์โดยในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 16-17 ก.ย.นั้น รัฐบาลควรหยุดสร้างเงื่อนไขโดยผลักดันให้มีการแก้รัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ
นอกจากนี้ เมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว รวมทั้งงบประมาณปี 2553 ผ่านการพิจารณาของสภาสูงภายในสัปดาห์นี้ในเดือนพฤศจิกายนก็ควรจะประกาศยุบสภาเพื่อผ่าทางตันให้กับระบอบประชาธิปไตยให้ก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะสายเกินไป เพราะหากนายอภิสิทธิ์มีโอกาสที่จะแก้วิกฤตแต่ไม่คิดที่จะแก้ก็จะกลายเป็นชนักติดหลังได้ อีกทั้งกรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่นั้น นายอภิสิทธิ์ควรคำนึงถึงเรื่องคุณธรรม ความสมานฉันท์ และการสร้างขวัญและกำลังใจด้วย