xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” เรียก ผบ.เหล่าทัพ คุย ประเมินสถานการณ์ “หางแดง” นัดชุมนุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
“สุเทพ” เรียก ผบ.เหล่าทัพ คุย ประเมินสถานการณ์ เตือน “หางแดง” ชุมนุมช่วงนี้ไม่เหมาะ ขณะที่ “กอ.รมน.” ยัน เรียกใช้งานกำลังทหารได้ หากรัฐบาลเอ่ยปาก ด้าน “บิ๊กป๊อก” นึกห่วงใยบ้านเมือง หวั่นปมการเมือง กระทบความมั่นคง 3 สถาบัน ย้ำ กองทัพยินดีคลี่คลายสถานการณ์ พาประเทศก้าวไปข้างหน้า

วันนี้ (4 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เดินทางมาร่วมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อรับทราบข้อมูล และประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เพื่อนำเรียน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาในหารือ 30 นาที

จากนั้น พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) กล่าวว่า นายสุเทพ เรียกประชุมเพื่อให้หน่วยงานความมั่นคง สรุปและประเมินสถานการณ์เพื่อนำข้อมูลไปเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงสถานการณ์ช่วงนี้ ซึ่งการหารือครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าเพื่อนำเรียนให้ ครม.รับทราบว่า จะมีการประชุม ครม.ฉุกเฉินหรือไม่ โดยในที่ประชุมประเมินว่า ต่อไปหากมีการชุมนุมและเป็นในลักษณะที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ยุ่งยาก การรักษาพื้นที่ของเจ้าหน้าที่อาจมีการพิจารณานำเรื่องเข้า ครม.แต่ช่วงนี้เป็นเรื่องของหน่วยข่าวต้องประเมินสถานการณ์ ซึ่งในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง

เมื่อถามว่า มีการประเมินกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมออกไปหรือไม่ พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า เขาคงประเมินว่า ช่วงนี้เป็นเวลาที่ไม่เหมาะที่จะมาชุมนุม ทั้งนี้ แกนนำชี้แจงล่วงหน้าแล้วว่าจะเลื่อนการชุมนุมไปเป็นวันที่ 19 ก.ย.2552 ซึ่งในส่วนของ กอ.รมน.ได้ยืนยันกับนายสุเทพ ว่า หากมีการใช้งานในส่วนของทหาร เราพร้อมที่จะตอบสนองการพิจารณาของรัฐบาล โดยจากที่เจ้าหน้าที่ได้เรียนข้อมูลให้ทราบ นายสุเทพ มีความพอใจ และไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ

เมื่อถามถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า จากการประเมินด้านการข่าวยังไม่มีอะไร ต้องดูท่าทีของผู้ชุมนุมว่ามุ่งไปเรื่องใด ส่วนจะเคลื่อนไปยังจุดใดยังไม่ทราบ เพราะขึ้นอยู่กับผู้ชุมนุม แต่เรามีแผนรองรับสถานการณ์อยู่แล้ว หากพื้นที่ใดที่มีความสำคัญ และเคยประกาศไว้ว่า เป็นพื้นที่ที่ไม่ควรเข้ามาก็จะไม่ให้เข้ามา ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงระบุว่าจะเคลื่อนไปชุมนุมที่บ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น เป็นแนวทางหนึ่งของผู้ชุมนุมที่สามารถทำได้ ซึ่งเรามีเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลในแต่ละพื้นที่อยู่แล้ว โดยเฉพาะเขตดุสิต

“ที่ประชุมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ หากมีการชุมนุมต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย และดูแลควบคุมผู้ที่มาชุมนุมให้อยู่ในความเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่เข้าไปเกี่ยว แต่หากเกิดความไม่สงบ มีการละเมิดในข้อห้าม ข้อกำหนดต่างๆ ที่อาจมีขึ้น หากมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เจ้าหน้าที่คงเข้าไปทำความเข้าใจ ซึ่งเรามีขั้นตอนที่เตรียมไว้ในช่วงที่ 29 ส.ค.-1 ก.ย.แล้ว ซึ่งพร้อมที่จะนำมาปรับปรุงแก้ไขใช้ได้ หากเกิดความไม่สงบ” โฆษก กอ.รมน.กล่าว

พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมในครั้งต่อไป ขึ้นอยู่กับ นายสุเทพ จะเป็นผู้กำหนด แต่จากงานด้านการข่าวมีความพร้อม เพราะได้ติดตามสถานการณ์เป็นระยะๆ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังทหารยังอยู่ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานในพื้นที่บริเวณรอบทำเนียบ 5 จุดตรวจ โดยเป็นการสนธิกำลังจากสารวัตรทหาร (ส.ห.) กับตำรวจ และบริเวณรอบนอกอีก 6 จุดตรวจ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ อีกทั้งยังมีกำลังในหน่วยอีกจำนวนหนึ่งที่พร้อมจะออกมาปฏิบัติหน้าที่ภายใน 1 ชั่วโมง หากเกิดเหตุการณ์ความสงบขึ้น ส่วนตำรวจยังคงเป็นกำลังหลักดูแลความสงบเรียบร้อย ส่วนกรณีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า จะใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมนั้น ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ เพราะถือว่า จบไปแล้ว

ขณะที่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.) ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้แสดงความห่วงใยต่อปัญหาต่างๆ ที่ประเทศประสบในขณะนี้ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ ยาเสพติด ทรัพยากรธรรมชาติ สถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึงความเป็นอยู่ของประชาชน กองทัพบกจึงจำเป็นต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ ให้ดีขึ้น เพื่อให้ประเทศผ่านพันวิกฤตและเจริญก้าวหน้า

“ทบ.สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้นให้ความสำคัญ เอาใจใส่ต่อประเด็นสำคัญที่กองทัพบกจะเร่งดำเนินการในช่วงนี้ ได้แก่ การปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์การแก้ไขปัญหายาเสพติด การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และการช่วยเหลือประชาชนตามโครงการสู้วิกฤตด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งกองทัพบกมอบให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่พร้อมด้วยชุดวิทยากรจากโครงการสู้วิกฤตเป็นผู้ไปสร้างความเข้าใจ และแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยเฉพาะการปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยของกองทัพบกจัดกิจกรรมเพื่อเทิดทูนสถาบันในทุกวาระ ตามโอกาสอันควร รวมทั้งหน่วยทหารจะดำเนินการตรวจสอบและติดตามการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันโดยร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนป้องกันไม่ให้มีการกล่าวอ้างสถาบัน เพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โฆษกกองทัพบก กล่าว

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ ยังสั่งการให้ ผบ.หน่วยขึ้นตรงชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับหลักการและขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายในเรื่องการถวายฎีกา ซึ่ง ผบ.ทบ.ย้ำจุดยืนและกำชับให้กำลังพลทุกคนตระหนัก ยึดมั่นในความเป็นกลาง ไม่เป็นฝ่ายใดทั้งสิ้น ปฏิบัติตามหน้าที่ และชี้แจงให้ประชาชนเห็นความสำคัญของประเทศชาติเป็นหลัก นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังได้กล่าวถึงบทบาทของกองทัพบกต่อสถานการณ์ปัจจุบันว่า ที่ผ่านมากองทัพบกได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในกรุงเทพ เพื่อดูแลสถานที่ราชการและความปลอดภัยของประชาชน ขอให้มั่นใจว่า หากกองทัพบกได้รับภารกิจอีกจะปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักส่วนรวมของชาติ ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา และหวังให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
กำลังโหลดความคิดเห็น